ย้ายบล็อกไปที่ bact.cc แล้วนะครับ

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
หยุด ร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ ฟรี 2GB จาก Dropbox (sync กับ Windows, Linux, Mac, iPhone, Android ฯลฯ ได้)
Showing posts with label free speech. Show all posts
Showing posts with label free speech. Show all posts

2010-06-24

Lao44 - Free the Lao documents

Lao44 or Coalition for Lao Information, Communication and Knowledge is the largest repository of documents in Lao language.

The number 44 in Lao44 refers to Article 44 in the Constitution of Lao PDR, which says: Lao citizens have the right and freedom of speech, press and assembly; and have the right to set up associations and to stage demonstrations which are not contrary to the laws.

ลาว44 เป็นเว็บไซต์ที่เก็บรวมรวมเอกสารสาธารณะต่าง ๆ ที่เป็นภาษาลาว

เลขที่ 44 หมายถึงสิทธิพื้นฐานอันหนึ่งของพลเมืองลาวดังที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญของ ส.ป.ป.ลาว มาตรา 44 ที่ว่า: พลเมืองลาวมีสิทธิเสรีภาพในการพูด, ขีดเขียน, รวมชุมนุม, จัดตั้งสมาคมและเดินขบวนที่ไม่ขัดกับระเบียบกฎหมาย

ຍີນ​ດີ​ຕ້ອນຮັບ​ເຂົ້າສູ່ ລາວ44.

ເລກທີ 44 ຫມາຍ​ເຖີງສິດ​ພື້ນຖານ​ອັນ​ຫນື່ງຂອງ​ພົນລະ​ເມືອງ​ລາວ​ດັ່ງ​ທີ່​ລະບຸ​ໄວ້​ໃນ​ ລັດຖະທຳ​ມະນູ​ນ ຂອງ ສ.ປ.ປ ລາວ ມາດ​ຕາ​44 ທີ່​ວ່າ: “ພົນ​ລະ​ເມືອງ​ລາວ​ມີ​ສິດ​ເສ​ລີ​ພາບ​ໃນ​ການ​ປາກ​ເວົ້າ​, ຂີດ​ຂຽນ​, ໂຮມ​ຊຸມ​ນຸມ​, ຈັດ​ຕັ້ງ​ສະ​ມາ​ຄົມ​ແລະ​ເດີນ​ຂະບວນ​ທີ່​ບໍ່​ຂັດ​ກັບ​ລະ​ບຽບ​ກົດ​ໝາຍ​”

ໂດຍ ​ອີງ​ໃສ່​ນະ​ໂຍບາຍ​ຂອງ​ພັກ ແລະ ລັດຖະບານດ້ານ​ຂໍ້​ມູນ​ຂ່າວສານ ແລະ ການ​ສື່ສານ ດັ່ງ​ທີ່​ໄດ້​ລະບຸ​ໃນ​ແຜນ​ພັດທະນາ​ເສດຖະກິດ-ສັງຄົມ (2006-2010), ລາວ 44 ປະກອບສ່ວນ​ເຂົ້າ​ໃນ​ການ​ສ້າງ​ຄວາມ​ເຂັ້ມ​ແຂງ​ພ້ອມ​ທັງ​ຊຸກຍູ້​ການ​ມີ​ສ່ວນ​ ຮ່ວມ​ຂອງ​ປວງ​ຊົນ​ເຂົ້າ​ໃນ​ວຽກງານ​ການປົກ​ປັກ​ຮັກສາ ແລະ ສ້າງສາ​ປະ​ເທ​ດຊາດ ໂດຍ​ການ​ເປັນແຫ​ລ່ງຂໍ້​ມູນ​ຂ່າວສານ​ພາສາ​ລາວ ຂອງທຸກໆຂະ​ແຫນງ​ການ​ທົ່ວ​ປະ​ເທດ ເຊັ່ນ: ກະສິກຳ-ປ່າ​ໄມ້, ສຸຂະພາບ, ການ​ສຶກສາ, ພູມ​ປັນຍາ​ທ້ອງ​ຖີ່​ນ, ບົດບາດ ​ຍີ​ງ-ຊາຍ ແລະ ຮວມ​ໄປ​ເຖີງລະບຽບກົດ​ຫມາຍ, ແຜນການ ແລະ ນະ​ໂຍບາຍຕ່າງໆຂ​ອງ ລັດຖະບານ. ຂໍ້​ມູນ​ຂ່າວສານ​ປະກອບມີ​ຫລາຍ​ຮູບ​ຫລາຍ​ສີ​ເຊັ່ນ: ຟ້າຍເອກະສານ, ວິ​ດິ​ໂອ, ຮູບ​ພາບ ແລະ ການ​ສົນທະນາ​ກະທູ້​ຕ່າງໆ ເຊິ່ງຂໍ້​ມູນ​ຂ່າວສານທັງ​ຫມົດ​ເປັນ​ຮູບ​ແບບ​ດິຈີ​ຕ້ອນ.

ລາວ 44 ໄດ້​ຖືກ​ສ້າງ​ຂື້ນ ແລະ ບໍລິຫານ​ຮ່ວມ​ກັນໂດຍອົງການ Helvetas, ອົງການ​ບ້ານ​ຈຸດ​ສູ​ມສາກົນ (VFI), CRWRC, ອົງການ​ມິ​ດຕະພາບ​ເມັນ​ໂນ​ນາຍ (MCC), CIDSE, DED, ອົງການພັດທະນາປະເທດເນເທີແລນ (SNV), ກູ່​ມພັດທະ ນາບົດບາດ​ຍີ​ງ- ຊາຍ (GDG), ສະມາຄົມພັດທະນາກະສິກຳ ແລະ ສີ່ງແວດລ້ອມແບບຍືືນຍົງ (SAEDA), ສະມາຄົມພັດທະນາ ແລະ ຫລຸດຜ່ອນຄວາມທຸກຈົນ (PORDEA), ບໍລິສັດ ທີ່ປຶກສາດ້ານພັດທະນາ & ວິສາຫະກິດ ຈຳກັດ (EDC), ແລະ ສູນອົບຮົມຮ່ວມພັດທະນາ (PADETC) ໂດຍການສະຫນັບສະຫນູນຈາກກອງ​ສົ່ງ​ເສີມ​ກະ​ສິກຳ ແລະ ປ່າ​ໄມ້ (NAFES), ສະ​ຖາ​ບັນ​ຄົ້ນຄວ້າ​ວິທະຍາສາ​ດ ແລະ ເຕັກນິກກະ​ສິກຳ ແລະ ປ່າ​ໄມ້ (NAFRI) ແລະ ​ໂຄງການສົ່ງເສີມກະສິກຳ (LEAP).

ขอบคุณเพื่อน ๆ ในทวิตเตอร์ @tewson @au8ust @kengggg @amaudy @lewcpe สำหรับคำอ่านคำแปลพาสาลาวครับ :)

แถม: อ่านลาว - Chrome extension แปลงอักษรลาวเป็นอักษรไทย

technorati tags: , ,

2009-08-22

อันล่วงละเมิดมิได้ the Untouchable ?

จาก ร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา อีกหนึ่งกฎหมายที่ถูกดัน เข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งถูกตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2552 (มีกฎหมายจำนวนมากถูกนำเข้าสนช.ในช่วงนั้น กฎหมายจำนวนมากที่ผ่านออกประกาศใช้จากการนำเข้าพิจารณาในช่วงนั้น เป็นกฎหมายที่ในเวลาปกติน่าจะผ่านออกมาลำบาก จะต้องมีการอภิปรายหรือถูกตรวจสอบจากสังคมอย่างมากแน่) มีอยู่ร่างหนึ่งจาก พ.ศ. 2551 มีมาตรานี้:

มาตรา 40 ผู้ใดโฆษณาหรือไขข่าวด้วยประการใด ๆ ด้วยภาพ ตัวอักษร หรือข้อความที่ทำให้ปรากฏ ไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ หรือกระทำการกระจายเสียงหรือกระจายภาพ หรือกระทำการป่าวประกาศโดยวิธีอื่นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พระภิกษุ สามเณร บรรพชิต หรือแม่ชี อันเป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมเสียหรือเสียหายต่อพระพุทธศาสนา หรือเป็นเหตุให้พระภิกษุ สามเณร บรรพชิต หรือแม่ชี แล้วแต่กรณี เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ปัจจุบัน ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มีหลายร่างจากหลายองค์กร ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เว็บ phrathai.net หลายมาตราถูกเพิ่มเข้าเอาออกหรือแก้ไข อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามาตรา 40 อย่างในร่างข้างต้น สุดท้ายจะไปโผล่ในกฎหมายฉบับจริงหรือไม่ แต่มันก็สะท้อนได้ว่า มีคนคิดเรื่องแบบนี้อยู่

ประเทศนี้ ห้ามวิพากษ์วิจารณ์อะไรทั้งสิ้น ห้ามเปลี่ยนแปลง ห้ามแตะต้อง

พอพิมพ์คำว่า ห้ามแตะต้อง เราก็นึกถึงคำว่า untouchable ซึ่งหมายถึงวรรณะจัณฑาลในอินเดียและเอเชียใต้ ในสังคมวัฒนธรรมเอเชียใต้นั้น ถือว่าวรรณะจัณฑาลเป็นวรรณะที่ต่ำที่สุด คนวรรณะอื่นจะไม่ข้องแวะข้องเกี่ยวด้วย ก็เลยเป็นที่มาของคำว่า the untouchables

แนวคิดเรื่อง แตะต้องไม่ได้ เพราะจะทำให้เสียความบริสุทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์ ก็ทำให้นึกถึงบทความเกี่ยวกับพิธีกรรมและความเชื่อ ที่เราอ่านไปนิดหน่อยเมื่อเดือนที่แล้ว ชื่อ Scapegoats: The Killings of Kings and Ordinary People โดย Declan Quigley (Journal of the Royal Anthropological Institute. Volume 6 Issue 2, หน้า 237-254) เรารู้สึกว่าน่าสนใจมาก อยากจะหาเวลาอ่านทั้งหมดละเอียด ๆ อีกที

Quigley เขาศึกษาสังคมกลุ่มหนึ่งในแอฟริกา ส่วนหนึ่งของบทความพูดถึงแนวคิดสองแบบของคอนเซปต์ king (ซึ่งเรานึกไม่ออกว่าจะแปลยังไง มันไม่จำเป็นต้องเป็น กษัตริย์ แบบที่เราเข้าใจกันทั่วไป ก็ขอคงไว้ละกัน) แบบแรกคือ king เป็นบ่อเกิดความอุดมสมบูรณ์สงบสุขอะไรต่าง ๆ มาสู่แผ่นดิน แบบหลังคือ king เป็นเหมือนบ่อรับที่ดูดเอาความชั่วร้ายต่าง ๆ เข้าไว้กับตัว เพื่อที่แผ่นดินจะได้สงบสุข ทั้งสองแนวคิดที่เหมือนกันก็คือ king ทำให้แผ่นดินอุดม ที่ต่างคือวิธี และแนวคิดทั้งสองแบบสามารถนำไปสู่การ ฆ่า king ได้ (ซึ่งผมคิดต่อไปว่า อาจจะเป็นเพียงการฆ่าในทางพิธีกรรมก็ได้ ไม่ได้ตายจริง ๆ อาจจะพอเทียบคล้าย ๆ กับที่ไปนอนในโลงศพสะเดาะเคราะห์) เมื่อ king ที่เป็นบ่อเกิดไม่สามารถปล่อยหรือแผ่ความอุดมออกมาจากตัวได้แล้ว หรือ king ที่เป็นบ่อรับนั้นเต็มแล้ว ดูดอะไรเข้าไปไม่ได้แล้ว ก็มีความจำเป็นต้อง ฆ่า king เสีย เพื่อรักษา kingship (แปลเอาว่า ระบบ king ก็น่าจะได้) เอาไว้ (น่าจะเป็นที่มาของชื่อบทความ scapegoat ที่หมายถึง แพะรับบาป) แล้วก็มี king คนใหม่ขึ้นมาแทน วนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่ง Quigley ก็บอกว่า เอ้อ แนวคิดแบบนี้ ลองเอามาทำความเข้าใจเรื่องวรรณะในเอเชียใต้ก็น่าจะได้นะ

กลับมาที่ร่างพ.ร.บ. เราว่าถ้ามันออกมาจริง ๆ จะลำบาก จะมีคนเดือดร้อนกันเยอะแน่ เรา ๆ ท่าน ๆ ที่ไม่เคยคิดจะด่าพระก็เดือดร้อนกันได้

ยังไง? บ้านหลายคนอยู่บนที่วัด เช่าวัด วัดก็เป็นนิติบุคคล มีที่ดิน และก็มีการใช้ประโยชน์บนที่ดินนั้นในทางต่าง ๆ รวมถึงเพื่อธุรกิจด้วย (เพื่อหารายได้เข้าวัด โดยให้เหตุผลว่าเพื่อทำนุบำรงศาสนา) โดยทั้งที่วัดทำเอง ผ่านมูลนิธิของวัด ผ่านคณะกรรมการของวัด หรืือกลุ่มคนหรือบริษัทที่วัดมอบหมาย ซึ่งก็เหมือนกับการทำธุรกรรมธุรกิจทั่วไปทุกอย่าง มันสามารถมีเรื่องขัดแย้งกันได้ ผิดสัญญาซื้อขาย ผิดสัญญาเช่า ไล่ที่ ฯลฯ ... ปัญหาคือ ถ้ามีกฎหมายข้างบนนั่นจริง ๆ บุคคลจะฟ้องร้องพระหรือวัดได้ไหม ? หรือในการต่อสู้ทางสังคม การรณรงค์ต่าง ๆ จะเผยแพร่ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดเกี่ยวกับพระหรือวัดได้ไหม ? หรือสื่อจะเสนอข่าวเกี่ยวกับคดีดังกล่าวได้ไหม ? ถ้าเกิดพระท่านว่ามันทำให้ท่านถูกเกลียดชังล่ะ ?

พระดี ๆ ท่านก็มีเมตตา แต่ก็อย่างที่เรารู้กัน พระห่วย ๆ ก็มีให้เห็นบนหน้าหนังสือพิมพ์มากมาย

โอ้ ต่อไปหนังสือพิมพ์จะลงข่าวพระเสีย ๆ หาย ๆ ได้ไหมนี่ ?

เดี๋ยวจะถูกข้อหา หมิ่นพระ นะ

การไม่มีข่าวเสียหายเกี่ยวกับพระลงหนังสือพิมพ์ จะทำให้พระศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ?

ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ก็แปลว่าไม่มี ... แบบนี้ก็ง่ายดีเหมือนกัน

technorati tags: , , , , , ,

2008-05-29

Protect Our Internet -- online petition

จาก http://gopetition.com/online/19589
(ดูต้นฉบับ และร่วมลงชื่อได้ที่ลิงก์ดังกล่าว)



แถลงการณ์จาก
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและสื่อพลเมือง
ผู้สนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

29 พฤษภาคม 2551


เรื่อง ขอเรียกร้องความรับผิดชอบจากนายเทพไท เสนพงศ์ และ พรรคประชาธิปัตย์ และขอเชิญชวนพลเมืองทุกคนร่วมกันปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น


ตามที่นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยรายชื่อ 29 เว็บไซต์ ว่าเป็นเว็บไซต์อันตรายที่ส่อเค้าหมิ่นเบื้องสูง พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศจัดการ ตามข่าวทางสื่อมวลชนทั่วไป ความแจ้งแล้วนั้น

พวกเราดังมีรายนามข้างท้ายมีความเห็นต่อกรณีดังกล่าว ดังต่อไปนี้


1. เราเห็นว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ต้องได้รับการเคารพและปกป้อง

สังคมประชาธิปไตยทุกสังคม ที่ปรารถนาความสงบสุข สันติภาพ และความสมานฉันท์ จำเป็นต้อง ส่งเสริม และ ปกป้อง สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนอย่างเต็มที่

เหตุเพราะความเคารพและความเข้าใจอันดีต่อกัน “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมที่ผู้คนมีความแตกต่างหลากหลาย และหนทางเดียวที่จะนำเราไปสู่การเรียนรู้ที่จะเข้าใจและเคารพกันได้ คือสภาพสังคมที่เอื้อให้ทุก ๆ คน มีสิทธิเสรีภาพในแสดงออกด้วยความรับผิดชอบอย่างเต็มที่

ประตูที่จะนำไปสู่ความยอมรับเคารพซึ่งกันและกัน จะถูกปิดตาย เมื่อปากและใจของเราถูกบังคับให้ปิดลง


2. เราไม่เห็นด้วยกับการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง

รายชื่อเว็บไซต์และเว็บล็อกส่วนใหญ่ที่ถูกระบุชื่อ มิได้นำเสนอข้อมูลหรือเนื้อหาที่หมิ่นพระมหากษัตริย์ หลายแห่งนำเสนอข้อมูลทางวิชาการอย่างมีเหตุมีผล การกล่าวหาเว็บไซต์ต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างเหมารวมของนายเทพไท เสนพงศ์ จึงเป็นความผิดพลาด ขาดการตรวจสอบข้อมูล เป็นการกดดันเพื่อปิดกั้นความคิดเห็นของคนอื่นโดยไม่เลือกวิธีการ เป็นการปลุกปั่นนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายฝ่ายตรงกันข้าม รวมทั้งเป็นการก่อความแตกแยกของคนภายในชาติ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้แสดงให้เห็นถึงการขาดจิตวิญญาณประชาธิปไตย


พวกเราดังมีรายนามข้างท้ายนี้ขอเรียกร้องให้นายเทพไท เสนพงศ์ และพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว และหยุดการใส่ร้ายป้ายสีเว็บไซต์หรือบุคคลอื่นอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งหยุดกดดันหรือสร้างกระแสให้มีการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ โดยทันที

และเนื่องด้วยการกระทำเช่นนายเทพไท เสนพงศ์ ในครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการใช้ข้อหาหมิ่นพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือในการริดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของฝ่ายอื่น ๆ และแม้การกระทำเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ แต่เราก็ยังพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวอยู่เสมอ จากทั้งหน่วยงานรัฐ นักการเมือง และสื่อมวลชน เราจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดพฤติกรรมดังกล่าวด้วยเช่นกัน


พร้อมกันนี้ พวกเราขอเชิญชวนชาวอินเทอร์เน็ตและพลเมืองทุกคน ให้ยึดมั่นในสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมและรับผิดชอบ และร่วมกันตรวจสอบดูแลและปกป้องพื้นที่อินเทอร์เน็ต ให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้แสวงหาปัญญาและยอมรับความคิดอันหลากหลายของเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยกับความคิดเหล่านั้นหรือไม่ก็ตาม


ขอแสดงความนับถือ

(ผู้ลงชื่อ)

สามารถร่วมลงชื่อทางออนไลน์ ได้ที่
http://gopetition.com/online/19589




ช่วยกันรณรงค์

หากเห็นด้วย ช่วยกันบอกต่อ / forward / โพสต์ลงบล็อก / ใส่ลงใน del.icio.us / ใส่เป็นลายเซ็นท้ายอีเมล / ปรินท์ไปแปะหน้าร้านเน็ต ฯลฯ ตามสะดวกครับ :)
(ที่ด้านท้ายของแถลงการณ์ในเว็บไซต์ มีลิงก์อำนวยความสะดวกอยู่ สำหรับพวก social bookmarking ทั้งหลาย)

ป้าย “เปิดเน็ต เปิดใจ :)” : 160x90 | 300x165


จะใส่รูปพร้อมลิงก์อย่างด้านล่างในบล็อก MySpace หรือ Hi5 ของคุณ ?
คัดลอกโค้ด HTML ในช่องนี้ไปใส่ได้เลย:


ปกป้องเสรีภาพของเรา
บนอินเทอร์เน็ตของเรา
ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์


technorati tags: , ,

2008-05-25

Blackhat Democrats (again)

 

เทพไท เสนพงศ์ (ประชาธิปัตย์) อย่ามั่ว

 

technorati tags: , ,

2008-03-24

On various little and BIG things

ปรับปรุง 2008.03.31: แก้สะกดผิด (สระเกิน ที่มองไม่เห็นบนวินโดวส์) เพิ่มลิงก์พี่ไตร แสงศตวรรษ และ technorati แปะคลิป / และตกลง network interface ไม่ได้เจ๊งครับ ปรากฎว่าสงสัยจะ update package อะไรไปแล้วมันเจ๊ง พอลงโอเอสใหม่ มันก็ใช้ได้เหมือนเดิมครับ เน็ตเวิร์ก (ตอนนี้ใช้ Ubuntu 8.04 Beta อยู่)

คลิป Kapook ชวนคุย วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม 2550 ที่บ้านไร่กาแฟ ขึ้นแล้วนะครับ (ตั้งแต่เมื่อวานเที่ยง ๆ ได้ ผมเพิ่งจะต่อเน็ตได้ network interface โน๊ตบุ๊คเจ๊ง)

ที่ Duocore http://duocore.tv/ (ตอนพิเศษ xxx.kapook.com)
ที่ FukDuk http://fukduk.tv/ (รอ 1 เม.ย. รายการ “กำไข่ ใส่ข่าว”)

เชิญดูและพิจารณานะครับ ความเห็นของผู้คนต่าง ๆ น่าจะพอเห็นใน blogosphere บ้างแล้ว

ความเห็นของผมสั้น ๆ ตอนนี้ ก็คือ งานนี้ คุณปรเมศวร์ แฟร์ ตอบทุกคำถาม แม้จะยืดยาวกินเวลาไปหน่อย โดยเฉพาะในช่วงแรก และออกนอกเรื่องไปไกลหลายทีในช่วงถัด ๆ มา แต่ยังไงคุณปรเมศวร์ก็พยายามตอบทุกข้อ และทุกข้อก็พอฟังได้ - เป็นข้อ ๆ ไป - แต่อย่าเอาคำตอบทั้งหมดมาร้อยกัน เพราะมันจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่นัก บางข้อมันขัดกันเอง - แต่โดยรวมไม่น่าเกลียดครับ ฟังได้ (เชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คนนะครับ ก็พิจารณาเป็นข้อ ๆ ไป)

แต่ที่(ผม)ฟังไม่ได้จริง ๆ ก็คงจะเป็นทีมงานของ Kapook คนหนึ่ง (เสื้อดำในวิดีโอ) และบางคำที่พี่ไตร-ชีพธรรม (เสื้อ eBay) พูด ลองดูในวิดีโอเองนะครับว่าเป็นอย่างไร (ผมไม่ได้รู้จักพี่ไตรเป็นการส่วนตัว แต่ก็ติดตามผลงานมาตลอด ตั้งแต่สมัยผมทำงานใหม่ ๆ และต้องไปเกี่ยวข้องเรื่องจัดอบรมที่ซอฟต์แวร์ปาร์ค และก็ชอบลีลาการอบรมของพี่เขามาก รู้สึกว่าคนนี้เกิดมาเพื่อสื่อสารเพื่อเป็นโค้ชจริง ๆ ผมเลยรู้สึกผิดหวังในทัศนคติของพี่เขาเรื่อง “ขี้อิจฉา อวดดี อยากเด่น” ฯลฯ - แต่นั่นก็เป็นเรื่องของตัวผมเอง ไม่ได้เป็นความผิดของพี่เขา)

อยากให้ดูคลิปที่ว่าจนจบนะครับ จะได้ฟังความเห็นของทุก ๆ คนอย่างรอบด้าน (เพิ่งดูคลิปของ Duocore จบ พบว่ามีตัดไปบ้างบางส่วน แต่เหมือนเป็นการตัดต่อให้ภาพมันต่อเนื่องมากกว่า เท่าที่ดู ไม่น่าจะมีประเด็นสำคัญอะไรถูกตัดออกไป ยกเว้นช่วงสุดท้ายที่ อดัม FukDuk ซักถามคำถามหลายคำถาม พร้อมข้อมูลประกอบที่ปริ๊นท์ออกมาหลายหน้า — คุณออย Duocore แจ้งว่า ตอนท้ายนี้ไม่ได้เป็นการตัด แต่ที่หายไปน่าจะเป็นเพราะแบตหมดแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงดูได้ที่เว็บ fukduk.tv ครับ 1 เม.ย. นี้)


(ข้างล่างนี้เกี่ยวข้องกับเรื่อง Kapook น้อยมาก ๆ)

เมื่อคืนได้แลกเปลี่ยนกับ MacroArt, jittat และ sugree ผ่าน twitter (บนรถเมล์ ผ่านมือถือ) ประเด็นสำคัญที่ผมคิดว่าควรจะต้องย้ำตรงนี้ก็คือ ไม่ใช่เรื่องทุกเรื่องที่เราจะจัดการกับมันแบบ ‘ ส่วนตัว’ ได้ (และหลายครั้งถึงทำได้ ก็ไม่ควรทำ) — ถ้าเป็นเรื่องประโยชน์ส่วนตัว ความเสียหายส่วนตัว แน่นอนว่ามันคงจะดีกว่า ถ้าจัดการกันแบบส่วนตัวได้ แต่เมื่อไรที่มันเป็นเรื่องประโยชน์สาธารณะ ความเสียหายสาธารณะ ผมไม่คิดว่าการจัดการแบบส่วนตัวจะสามารถทำได้ (และถึงทำได้ ก็ต้องไม่ทำ)

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่อง ถ้าเห็นว่ามีปัญหาอะไร ก็รายงานไปที่ผู้ต้องหาสิ (เอาจริงสิ ? รายงานไปที่ ผู้ต้องหา นะ) — ผมเห็นเหมือน sugree ว่าเราควรจะมีที่กลางที่เราสามารถเชื่อใจเชื่อถือได้ เพื่อที่เราจะได้รายงานไปที่ดังกล่าวได้ และกระบวนการทุกอย่างต้อง มีส่วนร่วมได้-โปร่งใส-ตรวจสอบได้ (ทำนองเดียวกับการแจ้งไปที่ Bugzilla หรือส่ง support ticket หรือติดตามพัสดุผ่านเว็บ FedEx) — ซึ่งตอนนี้ผมเห็นว่าไม่มี — จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะวิ่งไปแจ้งสื่อมากกว่าแจ้งตำรวจ หรือถนนพังก็แจ้งทีวี เพราะแจ้งทางการมาแล้วห้าปีไม่เห็นมีใครมาทำอะไร แจ้งแล้วก็เงียบหาย แจ้งทีวีสิเร็วดี ออกอากาศปุ๊บ รุ่งขึ้นมาเลย หรือในกรณีทุกวันนี้ อินเทอร์เน็ตก็เป็นช่องทางหนึ่ง ที่เราสามารถสื่อสารกับคนอื่น ๆ มาได้มากกว่า กว้างกว่าเดิม อย่างง่าย ๆ — ซึ่งก็มีทั้งเรื่องบอกเล่า ชื่นชม เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย

ในกรณีที่ไม่เห็นด้วยนั้น คนเขียนก็อาจจะไม่ได้หวังให้ไปเอาผิดอะไรกับใครด้วยซ้ำ เพราะหลายทีที่มันไม่ได้ผิดกฎหมาย (และเพราะไม่ผิดกฎหมายจึงไปแจ้งตำรวจไม่ได้ อย่างเรื่อง SEO ตำรวจเขาคงงง ๆ มันไม่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว) แต่เขียนไปเพื่อแจ้งให้คนอื่นได้ทราบสิ่งที่เกิด และบอกเล่าความคิดเห็นของเขากับสิ่งเหล่านั้น ว่าเขาไม่เห็นด้วยนะ เพราะอะไร ส่วนคนอื่นจะคิดอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน และแต่ละคนก็มีสิทธิที่จะโต้แย้งได้อย่างเท่าเทียมเช่นกัน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะ

อินเทอร์เน็ตมีคุณค่า เพราะมันไม่ได้บรรจุแต่เพียง “ความจริง” แต่มันยังมี “บทสนทนาเพื่อแสวงหาความจริง” บรรจุรวมอยู่ด้วย (เราเรียกมันสั้น ๆ ว่า “ความคิดเห็น”)

ไม่ว่าเราจะมีระบบแจ้งเหตุที่น่าเชื่อถือแล้วหรือไม่ อินเทอร์เน็ต/มณฑลสาธารณะจะต้องเป็นที่ที่เราสามารถแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นธรรมต่อเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเสรี ถ้าสิ่งที่เราพูดนั้นมีมูล มีเหตุที่เชื่อถือได้อันทำให้เราเชื่อเช่นนั้น และเราพูดไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ เราก็ควรจะได้รับการปกป้องทางกฎหมายด้วย (ดูกรณี ชินคอร์ป vs สุภิญญา ที่ชินคอร์ปฟ้องสุภิญญา หลังเธอให้สัมภาษณ์ถึงการเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจครอบครัวของอดีตนายก ซึ่งสุดท้ายศาลอาญามีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง “เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกล่าวแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและติชมด้วยความเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเป็นวิสัยของบุคคลและประชาชนพึงกระทำได้ ไม่ได้เป็นการมุ่งประสงค์ใส่ความบริษัทให้ต้องเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่น เกลียดชังแต่อย่างใด” [ผมหวังให้พี่ไตรได้อ่านตรงนี้])

เมื่อคืนตอนที่ผมแลกเปลี่ยนกับทุก ๆ คน (อย่างทุลักทุเล จิ้ม ๆ บนมือถือ) ผมคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องของเว็บใดเว็บหนึ่ง หรือกระทั่งเป็นเรื่องเจาะจงเฉพาะอินเทอร์เน็ต แต่ผมคิดถึงกรณีทั่วไปทั้งหมดเลย (คิดว่าคนอื่น ๆ ก็น่าจะประมาณนี้) เป็นเรื่องของสิทธิในการ(ไม่)สื่อสาร สิทธิที่จะ(ไม่)รู้ และสิทธิที่จะ(ไม่)พูด แน่นอนว่าในกรอบที่จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่(ต้องพูดแต่ไม่)พูดด้วย - แต่ย้ำว่านี่เป็นการรับผิดชอบต่อสาธารณะ

สิทธิในการสื่อสารเป็นสิทธิโดยธรรมชาติ เราทุกคนเกิดมาพร้อมสิทธิอันนี้ เป็นสิทธิที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องถูกรับรองโดยกฎหมาย เราทุกคนนั้นเมื่อเกิดมาก็ดู ก็ฟัง ก็พูดได้เหมือนกันหมด การกระทำใด ๆ ที่จะทำให้เราดูไม่ได้ ฟังไม่ได้ พูดไม่ได้ (เช่น ดูไม่ได้เพราะเขาเห็นว่าเราโง่เกินไปที่จะดูพระเล่นกีต้าร์ หรือพูดไม่ได้เพราะเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ หรือกลัวว่าจะถูกฟ้องหมิ่นประมาท) ย่อมเป็นการริดรอนสิทธิโดยธรรมชาติของเราอันนี้ทั้งสิ้น

คุณ MacroArt สนใจประเด็น code of conduct จรรยาบรรณของบล็อกเกอร์/สื่อพลเมือง จึงขอเสนอลิงก์ด้านล่างอีกรอบครับ

(เมื่อวาน tweet หลายเรื่องมาก เช่น เรื่องหลักฐาน การทำลายหลักฐาน ความเสียหายที่เกิดต่อสาธารณะแล้ว ฯลฯ ยังไงไปกดหาใน twitter นะครับ ปวดฉี่ ไปแล้ว อยู่ร้านเน็ต หวัดดีครับ)

technorati tags: , , , , , , ,

2007-08-22

Freedom to Watch, the Right to Make

คือจริง ๆ เค้าควรจะบอกมาเลยนะ ว่าประเทศนี้มันไม่ใช่ประชาธิปไตย แล้วมันจะง่ายขึ้น ประเทศนี้เป็นเผด็จการ คือมึงบอกกูมาเลยดีกว่า แล้วกูจะได้ใช้ชีวิต ไปกับพวกมึงได้

— เป็นเอก รัตนเรือง (ผู้กำกับภาพยนตร์)

วิดีโอรณรงค์เครือข่ายเพื่อเสรีภาพภาพยนตร์ไทย Free Thai Cinema Movement
(ได้ดูครั้งแรกในงาน Thai Short Film and Video Festival ที่แกรนด์อีจีวี สยามดิสคัฟเวอรี งานมีถึง 26 นี้ — โปรแกรมวันศุกร์ 19:00 น่าดูมาก ๆ เป็นหนังสั้นต้านรัฐประหาร :P หลายเรื่อง)

ด้านล่างนี้ จดมาจากวิดีโอ ใครพูดอันไหน ลองดู (ผมรู้จักไม่กี่คน :P)

มาใหม่ 2007.08.27: ความเห็นของ สุนิตย์, mk, girl friday, และคนอื่น ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

พ.ร.บ.ชุดนี้ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ นอกจากจะควบคุมแล้ว ยังไม่มีการสนับสนุน

เซ็นเซอร์บ้านเรามีปัญหา เพราะว่า ไม่ทราบว่าเอามาตรฐานที่ไหนมาวัด

การจัดเรตติ้ง มันไม่ควรจะมาควบคู่กับ การแบน การเซ็นเซอร์

คือโลกนี้มันมีสองด้านอยู่แล้ว เราควรจะให้เด็กรู้ทั้งสองด้าน

แล้วสิ่งที่ไม่เหมาะสมในชีวิต ที่เยาวชนต้องเจอ ในเรื่องชีวิตจริง มันมีเยอะ มากมาย กว่าเรื่องสมมติที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์อยู่แล้ว

คุณจะไปปกป้องคน ๆ นึงจาก สิ่งที่มันเป็นส่วนหนึ่งของการมีชีวิตเนี่ย ไปได้นานแค่ไหน

เราจะพูดถึงสิ่งที่มันดี ๆ สวยงาม โลกเรามันมีแต่ความสดใส อย่างเดียว มันเป็นไปไม่ได้นะ

งานทุกชิ้นมันควรจะมีที่ทางของมัน

เราควรจะมีอิสรภาพในการคิดว่าเราควรจะคิดอะไร ไม่ใช่ให้ใครคนนึงมาคิดไว้ตั้งแต่ล่วงหน้าแล้วว่า ถ้ามึงดูหยั่งงี้ แล้วต้องมึงคิดอย่างงั้น

เปิดโอกาสให้ทุกคน ได้คิด ได้ลอง ได้ถูก ได้ผิด ด้วยตัวเอง

พลเมืองทุกคน เมื่อเราเรียกร้องจะมีสิทธิเสรีภาพในการพูด การคิด การเขียน เราทุกคนก็พร้อมรับผิดในคำพูดของเรา

เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มันจะดีหรือไม่ดี ถ้าเราไม่ได้ใช้สมองเราคิดเอง

ต้องให้มันเติบโต คืออยากให้ต้นไม้โต ก็ต้องลงดิน ไม่ใช่เอาไปใส่กระถาง

บ้านเราเนี่ย ปัญหามันอยู่ที่ว่า เราไม่ค่อยแน่ใจ ไม่ค่อยมั่นใจ ว่าเรามีปัญญารึเปล่า

คือในโอกาสที่คุณจำกัดเนี่ย คุณจะรู้ได้ไงว่าสิ่งที่คุณ ไม่ให้เค้าดูเนี่ย มันเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี อย่างแท้จริงนะ คุณจะรู้ได้ยังไง

ควรจะเผอิญหน้ากับความจริงดีกว่า

เลิกไปเหอะ พ.ร.บ.เนี้ย

ตรงนี้มันเป็นโอกาสที่ดี เป็นจังหวะที่ดีนะ ก็คือว่า มันยังมีการที่กลับมาคุยกันได้อีก ก่อนมันจะผ่านไป

คือจริง ๆ เค้าควรจะบอกมาเลยนะ ว่าประเทศนี้มันไม่ใช่ประชาธิปไตย แล้วมันจะง่ายขึ้น ประเทศนี้เป็นเผด็จการ คือมึงบอกกูมาเลยดีกว่า แล้วกูจะได้ใช้ชีวิต ไปกับพวกมึงได้

ประชาธิปไตยหนังไทย : สิทธิคนดู เสรีคนทำ
Democracy of Thai Cinema : Freedom to Watch, the Right to Make

(หลายอย่างแล้วนะเนี่ย)
(นี่หลายอย่างแล้วนะเนี่ย)

Free Thai Cinema Movement


บทความจากมูลนิธิหนังไทย โดย ศริยา สมุทรพยนต์
ระบบเซ็นเซอร์ไทยกับศิลปะในสังคมประชาธิปไตย

เสื้อยืด Free Thai Cinema Movement สุดสวย ซื้อได้กับนิตยสารไบโอสโคป

[ ผ่าน ประชาไท Blogazine, พิณ พัฒนา ]

technorati tags: , ,

2007-07-11

Thailand Illustrated

ดูหนังอย่างคนป่วย (ในสังคมป่วย ๆ)

แนะนำเพิ่มเติมได้ครับ ...

[ ผ่าน filmsick, RerngIT ]

technorati tags: ,

2007-04-13

Taisoc

ที่โอเพ่นออนไลน์มีบทความใหม่ ประเด็นร้อนตอนนี้

เดือนก่อน อ่านภาคผนวกของ 1984, เรื่อง Newspeak (นิวสปีก) เจ๋งดี (ตัวนิยายยังไม่ได้อ่านหรอกนะ ข้ามมาอ่านภาคผนวกเลย)

ผมว่ามันทำได้จริง ๆ นะ ภาษามีอิทธิพลต่อความคิดมาก (อย่างน้อยนักภาษาศาสตร์และนักจิตวิทยาส่วนหนึ่งก็เชื่อเช่นนั้น) เช่นเวลาเราคิด เราคิดเป็นภาษารึเปล่า ? มันอาจจะไม่เสมอไป บางคนอาจแย้ง แต่ส่วนใหญ่แล้ว ตัวผมเองคิดเป็นภาษานะ

คุณตัดจำนวนคำในภาษาออกไป คุณเปลี่ยนแปลงความหมายของคำที่เหลืออยู่ คุณยุบรวมคำหลาย ๆ คำเข้าด้วยกัน ให้มันสูญเสียความเฉพาะเจาะจงไป สุดท้ายแล้ว พอจำนวนคำมันจำกัด และแต่ละคำมันคลุมเครือ นั่นคือภาษาถูกจำกัด ความคิดของคุณก็จะถูกจำกัดไปด้วย

คือมันคงจะเป็นอาการ เริ่ม ๆ จะคิดได้ แว๊บเข้ามาในหัว แต่ไปต่อไม่ได้ ไม่สามารถ 'ทด' มันไว้ในหัวได้ (คำในภาษา เป็นสัญลักษณ์ที่ถูกตรึง (fixed) ไว้แล้ว จึงสามารถนำมาเป็นเครื่องมือในการ 'ทด' ความคิดไม่ให้ล่องลอยได้) พอคุณทดมันไม่ได้ มันก็จะแว๊บ ๆ ๆ เข้ามาเยอะ ๆ แหละ แต่ไม่สามารถนำมันมาปะติดปะต่อกันได้ แล้วมันก็จะหลุด ๆ ๆ ไป

การวิเคราะห์ ไล่เหตุหาผล ก็จะทำได้ลำบาก และถึงแม้คุณจะเจ๋งมาก ๆ ยังสามารถคิดได้ แต่ที่สุดแล้ว คุณก็ไม่สามารถสื่อสารสิ่งที่คุณคิดออกไปให้คนอื่นรับรู้ได้ด้วยภาษาที่มีอยู่

(ลองนึกสภาพเราคิดอะไรได้ นึกเป็นภาษาไทยได้ แต่พูดกับฝรั่งไม่ได้ถนัด เพราะหาคำฝรั่งที่มันตรงกับความคิดเราเป๊ะ ๆ ไม่ได้ กรณีนี่ก็คือการคิดแม้ไม่ได้ถูกจำกัด แต่การส่งความคิดออกไปนั้นถูกจำกัด - อีกกรณีคือ ถ้าคุณไม่ได้เชี่ยวชาญภาษาฝรั่ง ลองคิดเป็นภาษาฝรั่งดูสิ คุณจะพบว่า มันจำกัดกระบวนการคิดของคุณได้)

นั่นคือสิ่งที่ Ingsoc ใช้ Newspeak ทำ

จำกัดการแสดงออกทางความคิด ด้วยการจำกัดภาษา การสื่อสาร

(นอกเหนือจากการตัดความกำกวมทางภาษาออกไป เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบความคิดของพลเมือง คือจะไม่สามารถพูดอะไรอย่างซ่อนความหมายได้)

คำว่า “รักชาติ” เมื่อผ่านกระบวนการโฆษณาตอกย้ำลงหัวไปสักพัก มันก็อาจจะรวมความหมาย “สมานฉันท์” “เชื่อผู้นำ” “นับถือพุทธศาสนา” “พอเพียง” “รักองคมนตรี” “เกลียดทักษิณ” “ใส่เสื้อเหลือง” “ไม่เอาแปรรูป” ฯลฯ เข้าไปอยู่ในคำ ๆ เดียวได้เหมือนกัน .. เมื่อใดที่คุณบอกว่า “รักชาติ” ความหมายในชุดทั้งหมดที่ว่ามา จะตามมาโดยอัตโนมัติ คุณไม่สามารถเลือกได้ หรือใช้คำว่า “รักชาติ” ในความหมายอื่นได้ ทุกคนจะ “รักชาติ” เหมือน ๆ กัน (หรืออย่างน้อยก็คิดว่าคนอื่น “รักชาติ” เหมือน ๆ กับที่เรารัก)

หรือคำว่า “แตกต่าง” ที่ในความรับรู้ของบางคนมันรวมความหมายของคำว่า “แตกแยก” เข้าไปด้วย

หรือคำว่า “ผู้หญิงหากิน” ที่สูญเสียความหมายที่อาจเป็นไปได้ว่า “ผู้หญิงที่ทำมาหากิน” ไปอย่างสิ้นเชิง เหลือแค่ความหมายที่เท่ากับ “ผู้หญิงขายตัว” เท่านั้น คุณไม่สามารถใช้คำว่า “ผู้หญิงหากิน” ในความหมายอื่นได้แล้ว

การเรียนรู้ภาษา เรียนรู้ความหมาย/การใช้คำใหม่ ๆ ส่วนหนึ่งมาจากชีวิตประจำวัน โต้ตอบกิจธุระ อีกส่วนหนึ่งมาจากข่าวสารที่เราเสพ/บริโภค เพลง หนัง หนังสือ ป้ายโฆษณา (ลองทบทวนดู เช่น สำหรับคนที่เขียนบล็อก คุณคิดว่า สไตล์การเขียนของคุณ ได้รับอิทธิพลมาจากงานเขียนของคนอื่นหรือเปล่า ?)

การจำกัดข่าวสารที่เราจะรับรู้ได้ นอกจากจะทำให้เราเสียโอกาสรับข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ยังจะจำกัดการเรียนรู้สิ่งใหม่ในภาษาของเรา ... ซึ่งมันจะมีผลกับความคิด/การสื่อสารความคิดของเรารึเปล่า ?

ผมก็ไม่รู้หรอกนะ

เกี่ยวข้อง: doubleplusgoodblog

technorati tags: ,

2007-04-11

Bye Bye Pantip.com

ด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่ผ่านมา

ตั้งแต่การเรียกร้องหมายเลขบัตรประชาชนจากสมาชิกรุ่นเก่า (ที่ไม่ได้ใช้บัตรประชาชนในการสมัคร) ที่ค่อย ๆ ทำกันมาหลายปีแล้ว
การเซ็นเซอร์ตัวเองแบบทันทีหลังรัฐประหาร (ปิด ๆ เปิด ๆ โต๊ะราชดำเนิน)
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ กับการได้ฟังคุณเว็บมาสเตอร์พูดในงานสัมมนาการเซ็นเซอร์เว็บ ที่สถานทูตสหรัฐฯ
ในงานสัมมนา ผมยังจำวาทกรรมสุดจ๊าบ diversity และ discrimination ได้ไม่ลืม (นอกเหนือจากเรื่อง ความเป็นส่วนตัว และความนิรนาม)

“[ไม่sic] ถ้าคุณบอกว่าอินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่แห่งเสรีภาพ แล้วคนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ล่ะ แบบนี้เป็นการ discrimiate มั๊ย”
“[ไม่sic] ไม่อยากให้ประเทศไทยเป็นเหมือนสิงคโปร์ ไปไหนในโลกก็เหมือนกันหมด ผมอยากได้ diversity อยากให้มีอินเทอร์เน็ตเฉพาะของประเทศไทย”
อะไรแนว ๆ นี้ล่ะ จ๊าบมาก, รายละเอียดลองถามพี่จิ๋ว ประชาไทดู แกอย่างกรี๊ด เห็นว่าจะตั้งแฟนคลับเลย

ทั้งหลายทั้งปวง

ผมขอประกาศเลิกใช้ พันทิป.คอม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ด้วยความระอา


ป.ล. ขอเชิญทุกท่าน ที่คิดเห็นเช่นกัน ประกาศเลิกใช้พันทิป ได้ที่บล็อกหรือพื้นที่ของท่าน อำนาจการแบนอยู่ในมือ ‘เรา’ เช่นกัน ไม่ใช่ ‘เขา’ ฝ่ายเดียว

update: คุณ anon.hui ถามมาว่า แล้วควรจะเลิกใช้ Blognone ด้วยมั๊ย ?

update (2007.05.16): เพิ่มลิงก์ไปหา สัมมนาการเซ็นเซอร์เว็บ ที่สถานทูตสหรัฐฯ

technorati tags: ,

bok bok

บ๊อก บ๊อก นี่... เสียงหมานะครับ

กัดไม่เลือกหน้าเสียด้วย

เอ้าทดสอบ ว่าเน็ตบ้านคุณโดนกัดอะไรแหว่งไปบ้าง

  • youtube.com - เว็บรับฝากวีดีโอที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • www.google.com - เสริช์เอนจิ้นที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก
  • www.google.co.th - เสริช์เอนจิ้นที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก ฉบับภาษาไทย
  • amazon.com - ร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • facthai.wordpress.com - กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย
  • greenmovement.net - ศูนย์ข้อมูลนิเวศวิทยาการเมือง ('พรรคกรีน' เมืองไทย)
  • prachatai.com - ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์
  • geocities.com - จีโอซิตี้ส์ บริการพื้นที่เว็บเพจฟรี

ถ้าใช้ยี่ห้อที่เค้าว่า “ยิ่งรวมกัน ชีวิตยิ่งเหลวแหลกขึ้น” ก็ซวยล่ะครับ

 

อ้อ ข่าวล่าสุด หนังเรื่อง “แสงศตวรรษ” โดนยึดฟิลม์ครับ! พี่น้อง!
ใช่ หนังไทยเรื่องเดียวกับที่ได้รางวัลจากฝรั่งเศสน่ะแหละ
นี่แปลว่าพวกฝรั่งเศสมันเป็นพวกบ้านป่าเมืองเถื่อนนะครับเนี่ย เราควรจะตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับฝรั่งเศสเสียเลย เผาสถานทูตเขาเลยได้ยิ่งดี อย่าปล่อยไว้เป็นกาลีบ้านกาลีเมือง!

ความเคลื่อนไหวล่าสุด ที่ bioscope
เค้าว่า ถ้าไม่ยอมให้ตัด จะไม่ยอมคืนฟิลม์ เอ้า ก็เค้าก็จะเลิกฉายอยู่แล้วไง ไม่ฉายแล้ว จะตัดอะไรอีก

อยากดูฉากที่เป็นปัญหามั๊ยครับ ? อยากดูจริงสิ แน่ใจนะ ? เดี๋ยวขำไม่ออกแน่ :D

อ่ะ ไปดูความไม่ยอมรับโลกกันเถอะ

 

ปิดประเทศกันเหอะ เฮีย

อายโลกน่ะ!

 


 

เราทำอะไรได้บ้าง?

“If you tolerate this, your children will be next.”

[ผ่าน ประชาไท, ประชาไท, filmsick]

technorati tags: , ,

2007-03-29

STOP Internet Censorship

หยุดเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ต! (ซะที)

ร่วมลงชื่อที่ คณะกรรมสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (AHRC)

http://thailand.ahrchk.net/fact_petition/

ใครที่เคยลงชื่อที่ FACThai.wordpress.com ไปแล้ว สามารถลงชื่อที่AHRC ได้อีกทีนะครับ :)

technorati tags: , ,

2007-03-24

your children will be next... :p

Wordpress.com ถูกปิดกั้น[โดยไอเอสพี] (ดู ปกป้อง.คอม, iTeau)

ตามด้วย

GotoKnow ถูกปิดกั้น[โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ] (ดู จันทวรรณ, และกรณีก่อนหน้านี้)

ตามด้วย

(ใครจะเป็นรายต่อไป ?)

ลงชื่อสนับสนุน
คำร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ให้รัฐยุติการปิดกั้นเนื้อหาในอินเทอร์เน็ต

FACT เสนอ “เสรีภาพพลเมือง” ในรัฐธรรมนูญ

technorati tags: ,

2007-01-16

CNN is bad for kids

Good news & bad news.

Bad News:
CNN.com is now completely blocked by Thai (junta) government.
Try http://cnn.com/ by yourself, you will be paused for a minute, then got a *fake* error message, “504 Gateway Timeout”.

Good News:
You can still access it via proxy servers abroad,
-OR- use “Tor” router program - an efficient way to circumvent Internet censorship.

Download Tor:
http://tor.eff.org/
http://www.theonionrouter.com/

How to setup Tor (Thai):
http://facthai.wordpress.com/2006/12/09/tor-setup/

About Tor (Thai):
http://facthai.wordpress.com/2006/12/09/tor-network/


FYI, according to FACT
Official block-list by Ministry of ICT :
13 Oct 2006 = 2,475 sites
11 Jan 2007 = 13,435 sites (500% increase)

Royal Thai Police states that they block 32,500+ sites.

see more : http://facthai.wordpress.com/data/


Sign Freedom Against Censorship Thailand's Petition
http://facthai.wordpress.com/sign/


Please forward this message to your friends — Thanks! :)

technorati tags: , ,

2006-12-30

Worse than Singapore

Thailand’s leading figure in the ongoing campaign against Internet censorship, CJ Hinke (of Freedom Against Censorship Thailand), talks to The Nation’s Pravit Rojanaphruk about the alarming increase in the government’s censorship in cyberspace.

technorati tags: , ,

2006-12-17

feWWW

ฟิลม์มี นิตยสารหนังเล่มเล็ก ฟิ้ววว
เล่มแรกนี้ เป็นเรื่อง “ฟิ้ว ...บินฉิวไปกับหนังอิสระ ฉบับทำหนังแบบบ้านๆ” แถมมากับ ไบโอสโคป ปกพระนเรศวร

“ฟิ้ววว เป็นหนังสือเกี่ยวกับ หนังอิสระ อ่านสนุกเสริมพลัง เหมือนได้นั่งยานย้อนเวลากลับไปนึกถึงบรรยากาศแบบไบโอสโคปสมัยเล่มยังเล็ก โดนใจ ชัดเจนไป ตรงๆ โต้งๆ ไม่อ้อมค้อม ด้วยเนื้อหาเล่มแรกที่ว่าด้วย การทำหนังแบบบ้านบ้าน ง่ายๆโง่ๆ ใครๆก็ทำได้ ต่างต่าง นานา วิธี

เชื่อว่ามีผู้กำกับและหนังใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายหลังจาก ได้อ่าน ฟิ้วววว”

ผมเชื่อว่า สังคมเราจะน่าอยู่ขึ้นเมื่อคนเราเข้าใจกัน และวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราเข้าใจกันได้ ก็คือการเล่าเรื่อง
หนังสือ เพลง หนัง ปราศัย เดินขบวน หรือเขียนบล็อก เหล่านี้คือการเล่าเรื่องทั้งสิ้น เล่ามันออกมา

ในขณะเดียวกับที่ต้องประกอบอาชีพเพื่อแลกปัจจัยในการดำรงชีวิต ผมก็อยากจะทำอะไรให้สังคมมันน่าอยู่ขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็เพื่อตัวเองที่หนีไปจากสังคมนี้ไม่ได้ ผมจึงคิดเอาเองว่า อาชีพเกี่ยวกับการเล่าเรื่อง น่าจะเป็นอาชีพที่ผมอยากทำ แม้จะไม่มีเรื่องให้เล่าเอง แต่ก็อยากทำอะไรที่จะไปสนับสนุนให้คนอื่นเล่าเรื่องได้ หรือทำให้ผู้คนเข้าถึงเรื่องเล่าได้มากขึ้นง่ายขึ้น

“เรื่อง” นั้น ก็คือ “สาร” ใช่ไหม ? ... เมื่อพิจารณาจากความสนใจของตัวเองที่ผ่าน ๆ มา ผมคิดว่า เออ มันน่าจะใช่นะ สิ่งที่อยากจะทำนี้นี่น่ะ วิทยาการสารสนเทศ สารสนเทศศาสตร์ นิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ ครุศาสตร์ ศาสตร์อะไรก็ไม่รู้ มันคงมีอะไรผสม ๆ กันแหละ แต่รวม ๆ แล้วก็หวังว่า มันคงจะ “มันศาสตร์” ล่ะนะ เพราะการมีงานที่สนุกเป็นลาภอันประเสริฐใช่ไหม ? :)

ป.ล. แน่นอน เมื่อผมชอบเรื่องเล่าและการเล่าเรื่อง จึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่โดยทั่วไปแล้ว ผมจะรู้สึกไม่สบายใจกับการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือการปิดกั้นคัดกรองเนื้อหาใด ๆ — เรื่องหนึ่งที่ผมสนับสนุนตอนนี้ก็คือ คำร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้รัฐยุติการปิดกั้นเนื้อหาในอินเทอร์เน็ต (ลงชื่อสนับสนุนกันได้ที่ลิงก์)

tags:

2006-12-03

Legalised It!

หากใครลองเปิดเทประหว่าง สนช. และ รมต. ฟังอีกรอบ คงจะหูผึ่ง!!!

“ควรมีบทควบคุมไปถึงผู้ที่บรรจุข้อมูลในเซิบเวอร์จากต่างประเทศที่เผยแพร่ในไทย โดยเฉพาะข้อความที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเราต้องบล็อกข้อมูลลักษณะนี้ให้ได้ แต่จากที่ดูมาตรา 16 ทั้ง 8 อนุมาตรา ไม่มีตรงไหนสามารถบล็อกได้ จึงเป็นช่องว่างช่องโหว่ในการดำเนินการดังกล่าว” สนช. ท่านหนึ่งอภิปราย

ฝ่ายรัฐมนตรีไอซีทีตอบว่า “ที่ผ่านมามีข้อความลงในเว็บไซด์ที่หมิ่นพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมโดยตรงได้ จึงขอพิจารณากฎหมายของกระทรวงไอซีที 4 ฉบับ และนำเสนอเข้า ครม. อาจเป็นเพราะตนเป็นคนใจร้อน จึงขอให้ ครม. พิจารณาร่างกฎหมายนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน”

อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นได้ว่า ร่างของรัฐบาลที่ส่งมาเขียนไม่ชัดเจนหรือไม่ได้เขียน เมื่อเข้ามาในสภาก็ดีแล้ว กูจะเขียนให้ชัดแจ่มแจ๋วกว่าเดิมว่า รัฐสามารถ “บล๊อกเว็บไซต์” ได้

สนช. ผู้เปิดประเด็นนามว่า “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ”

หัวใจสำคัญในการแก้ไขร่างฉบับนี้จึงไม่ใช่การแก้ไขปรับปรุงมาตราใดมาตราหนึ่ง แต่อยู่ที่จะยินยอมเปิดทางให้อำนาจรัฐ “บล๊อกเว็บไซต์” ได้หรือไม่!!! หรืออาจกล่าวได้อีกทางว่า หลังปฏิวัติ 19 กันยา รัฐบาลทหารใช้อำนาจ “สีเทา ๆ ” ไล่ปิดไล่บล๊อกเว็บอุดตลุด ณ วันนี้ยังไม่รู้ว่าอิงอำนาจจากแหล่งกฎหมายใด

ในวันนี้ จ๊อบแรกของ สนช. คือทำไอ้ที่มันเทา ๆ ตุ่น ๆ ให้ถูกต้องชอบธรรมในนามกฎหมาย

อ่านทั้งหมดที่ จะเดินตามรอยจีนซะแล้ว

tags: | | | | |

2006-12-02

Computer Crime Act forum reports

รายงาน เสวนา ร่าง พรบ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2549 ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

  • รายงานโดยประชาไท: ไม่ชอบธรรมตั้งแต่การออกกฎหมายโดย สนช.

    นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภากทม.:

    “รัฐบาลนี้ควรจะแค่รักษาการ ไม่ใช่ออกกฎหมาย”

    “เพียงแค่อ่านมาตรา 13 ก็เห็นแล้วว่า เป็นร่างกฎหมายที่จะทำให้เสรีภาพทางอินเตอร์เน็ต แย่กว่าสื่อสิ่งพิมพ์หลายเท่า”

    “หากตีความตาม มาตรา 13(2) แล้ว หากเพียงมีข่าวลือในอินเตอร์เน็ต เช่น ข่าวลือว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กำลังจะกลับมาเมืองไทย ก็อาจมีความผิดตามมาตรานี้ได้ หรือแม้แต่มีข่าวลือว่าจะเกิดรัฐประหารก็มีความผิดตามข้อนี้แล้ว เมื่อพูดว่าเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศนั้น มันกว้างมาก และไม่รู้ว่าความมั่นคงคืออะไร”

    “มาตรา 13 นี้จะต้องตัดทิ้งไปเลย อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายฉบับนี้จะแก้ที่รายมาตรายากมาก สิ่งที่ต้องทำคือต้องต่อสู้เพื่อคว่ำกฎหมายฉบับนี้ ให้รอรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องมีกระบวนการที่ถามความเห็นวงกว้างในสังคม แต่ทุกกฎหมายที่เข้าสภา กลับทำแบบงุบงิบ ไม่เปิดประชาพิจารณ์”

  • รายงานโดยพลวัต: เรื่องจำเป็นที่ไม่มีใครใส่ใจ

    นายพิชัย พืชมงคล สำนักกฎหมายธรรมนิติ :

    “ผมคิดว่า หัวใจที่สำคัญมากในการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน คือการให้ศาล — ไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ — มีอำนาจในการ ค้น ยึด และอายัดตาม มาตรา 16.
    เพราะในกระบวนการของศาล ก่อนที่จะออกหมายให้เจ้าพนักงานไปดำเนินการดังกล่าว จะต้องมีการตรวจหรือไต่สวนพยานหลักฐาน ตามสมควรแก่กรณีก่อนข้อนี้ ผมว่าคงต้องสู้กันอย่างหนัก และถ้าแพ้ หมายความว่าเป็นไปตามร่างเดิม — ก็มีเหตุผลและความชอบธรรมเพียงพอที่ ไม่ควรจะเอาทั้งร่างฯ”

ความเห็น เกี่ยวกับ ร่าง พรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในสื่อต่าง ๆ ที่ เนคเทคพีเดีย

[ผ่าน FACT]

tags: | | |

In Quotes

“The job of a citizen is to keep his mouth open.”
“หน้าที่ของพลเมือง คือการเปิดปากของเขาอยู่ตลอด”
Günter Grass

“I disapprove of what you say, but I will defend to the death your right to say it”
“ฉันไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูด แต่ฉันจะรักษาสิทธิ์ในการพูดของคุณด้วยชีวิต”
— Evelyn Beatrice Hall's The Friends of Voltaire

“Think for yourselves and let others enjoy the privilege to do so too.”
“คิดเพื่อตัวคุณเอง และปล่อยให้คนอื่นได้รับอภิสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้นบ้าง”
— Voltaire's Essay on Tolerance

“Power tends to corrupt, and absolute power corrupts absolutely.”
“อำนาจมักจะทุจริต และอำนาจสมบูรณ์ทุจริตอย่างเต็มที่”
Lord Acton

“Good government is no substitute for self-government.”
“การปกครองที่ดี ไม่ใช่สิ่งที่แทน การปกครองตัวเอง ได้”
Mahatama Gandhi

tags: , ,

2006-11-13

OpenNet Initiative

OpenNet Initiative (ONI)

ภารกิจของ ONI คือการตรวจสอบหาความจริง และท้าทาย การกรองเนื้อหา (filtration) และการตรวจตราเฝ้าดู (surveillance) โดยรัฐ วิธีของเราประยุกต์ความเข้มงวดในระเบียบวิธี เข้ากับการศึกษาการกรองเนื้อหาและการตรวจตราเฝ้าดู และผสมผสานการศึกษากรณีจริง เข้ากับการตรวจยันทางเทคนิค เป้าหมายของเราคือ เพื่อสร้างภาพที่น่าเชื่อถือของการปฏิบัติเหล่านี้ ในระดับชาติ ภูมิภาค และองค์กร และขุดค้นผลกระทบของมัน ที่มีต่อ เอกราชของรัฐ ความมั่นคง สิทธิมนุษยชน กฎหมายระหว่างประเทศ และโลกาภิบาล

ตัวอย่างผลการศึกษาในประเทศต่าง ๆ : จีน พม่า สิงคโปร์

The ONI mission is to investigate and challenge state filtration and surveillance practices. Our approach applies methodological rigor to the study of filtration and surveillance blending empirical case studies with sophisticated means for technical verification. Our aim is to generate a credible picture of these practices at a national, regional and corporate level, and to excavate their impact on state sovereignty, security, human rights, international law, and global governance.

tags: | | | | | | |

2006-10-12

Knowledge is free, well, as in beer again.

, จันทวรรณ น้อยวัน

ผู้ดูแลระบบอย่างดิฉันและอาจารย์ธวัชชัยลำบากใจมากที่สุดในสถานการณ์ ณ ขณะนี้ ด้วยว่าไม่เคยมีประสบการณ์ในลักษณะนี้มาก่อน

ตั้งแต่วันที่ 20 กย.49 ที่ดิฉันต้องนั่งเฝ้าลบบันทึก ลบไฟล์ ลบ comment ลบคำถามมากมาย ทั้งที่ไม่สมควรจะลบและสมควรลบ แล้วก็เขียนอีเมล์ไปขอโทษเจ้าของบล็อกโดยตรง

มือขวานั่งเลือกบันทึกแล้วอ่านไปเรื่อยๆ มือซ้ายกำหมัดแน่นโดยไม่รู้สึกตัว เพราะสิ่งที่ต้องทำมันขัดต่อความเชื่อในใจอย่างมาก เสรีภาพของคนทั้งหมดในเว็บไซต์ต้องมาถูกจำกัดโดยเรา มันแย่เหมือนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ตอนที่ดิฉันเดินอยู่แถวตึกรัฐสภาอเมริกันในวันชาติอเมริกาแล้วเห็นตำรวจจับหญิงชราคนหนึ่งที่เดินถือป้ายต่อต้านรัฐบาล เพราะดิฉันกำลังรู้สึกว่า ตนเองกำลังสวมบทบาทตำรวจคนนั้นอยู่ในขณะนี้

อ่านแล้วก็ เห็นใจ(อาจารย์) และ เศร้าใจ(กับ...)


update: อีกประมาณครึ่งปีต่อมา (มี.ค. 2550) บางส่วนของเว็บ GotoKnow ถูกปิดกั้น โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

tags: | | | | | |