ย้ายบล็อกไปที่ bact.cc แล้วนะครับ

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
หยุด ร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ ฟรี 2GB จาก Dropbox (sync กับ Windows, Linux, Mac, iPhone, Android ฯลฯ ได้)
Showing posts with label Chiang Mai. Show all posts
Showing posts with label Chiang Mai. Show all posts

2010-03-31

Mekong ICT Camp 2010 - Apply Now!

แม่โขงไอซีทีแคมป์ เป็นงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เนื้อหาด้าน สารสนเทศ + การสื่อสาร + เทคโนโลยี (ซึ่งครอบคลุมมากกว่า 'เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร') เพื่อการพัฒนาประชาสังคมในลุ่มน้ำโขง โดยเน้นการใช้ซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีที่เป็นระบบเปิดและสามารถดัดแปลงพัฒนาต่อเองได้ให้เข้ากับท้องถิ่น

กลุ่มเป้าหมายคือ แฮกเกอร์ (ผู้สนใจเทคโนโลยีที่ชอบทดลองทำอะไรด้วยตัวเอง), นักข่าวนักหนังสือพิมพ์, และคนทำงานด้านสังคม ไม่ว่าจะอยู่ในองค์กรพัฒนาเอกชนหรือเป็นอิสระ จากลุ่มน้ำโขง พร้อมกับผู้เข้าร่วมจากประเทศอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่งมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์

ครั้งแรกจัดไปเมื่อปี 2551 ที่ ชลบุรี
ปีนี้ จะจัดครั้งที่สอง ที่ เชียงใหม่
7-12 มิถุนายน 2553

เนื้อหาปีนี้เช่น การทำสารคดี การใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเพื่อการรณรงค์ ความปลอดภัยของข้อมูล การทำข่าวพลเมือง การต่อวงจรเครื่องส่งวิทยุกำลังต่ำแบบง่าย ๆ Open Data และ Governance 2.0

วิทยากรเป็นผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มที่ทำงานในเรื่องนั้น ๆ จากประเทศต่าง ๆ เช่น Indymedia จากสหรัฐอเมริกา, Center for Internet and Society จากอินเดีย, P2P Foundation จากไทย, และ InSTEDD จากสหรัฐอเมริกา+กัมพูชา

ผู้สนใจ สมัครด่วน ภายในวันที่ 10 เมษายน 2553

ปีนี้รับคนจากลุ่มน้ำโขง (พม่า กัมพูชา ลาว ไทย เวียดนาม) 60 คน จากอุษาคเนย์อื่น ๆ 5 คน จากที่อื่นทั่วโลกอีก 5 คน รวมเป็น 70 คน

ผู้ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมทุกคนจากลุ่มน้ำโขงจะได้รับการสนับสนุนที่พักและค่าเดินทาง (=ฟรี)
ผู้จัดงานสามารถออกหนังสือเชิญให้ได้ เพื่อลางาน/ขอวีซ่า

ฝากบอกต่อด้วยครับ -- ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://mekongict.org

ร่วมกันจัดโดย มูลนิธิกองทุนไทย และ โอเพ่นดรีม ด้วยการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ต่าง ๆ

----

ต่อเนื่องจากงานนี้ ในวันเสารที่ 12 มิถุนายน จะมีงาน บาร์แคมป์เชียงใหม่ 3 ด้วย -- งานนี้เปิดสุด ๆ ใครที่สนใจเข้าไปร่วมได้เลย ที่หอศิลป์ ม.เชียงใหม่ (บาร์แคมป์คืออะไร?)

technorati tags: , , , , , , ,

2008-12-21

[22-23 Dec] Conference on Nationalism and Multiculturalism

ประชุมวิชาการ “ชาตินิยมกับพหุวัฒนธรรม”
22-23 ธ.ค. 2551 @ เชียงใหม่
http://202.28.25.21/conf2008/

สังคมไทยในอดีตเป็นสังคมที่ยอมรับความหลากหลายทางชาติพันธุ์ และการอยู่ร่วมกันของกลุ่มชาติพันธุ์ แนวคิดชาตินิยมที่ก่อตัวขึ้นมาพร้อมๆ กับการกระบวนการสร้างรัฐชาติ ได้ส่งผลต่อการให้นิยามวัฒนธรรมประจำชาติและอัตลักษณ์ประจำชาติ ศาสนา ภาษา แนวคิดเรื่องการพัฒนาและระบบคุณค่าทางสังคมภายใต้รัฐชาติไทย เหล่านี้ ได้นำไปสู่การกดทับ และทำลายอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ของกลุ่มคนที่ด้อยกว่า กลุ่มชาติพันธุ์ ตลอดจนกลุ่มอารยธรรมย่อย นอกจากนี้ ยังนำไปสู่อคติทางชาติพันธุ์ ที่มองกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่แตกต่างไปอย่างเป็น “คนอื่น” และการสร้างภาพแบบเหมารวม เช่น ชาวเขาทำลายป่าและค้ายาเสพติด ชาวมุสลิมชอบใช้ความรุนแรง ในบางครั้งนำไปสู่ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์และความรุนแรงในสังคม

นอกจากนี้ นโยบายการพัฒนาภายใต้วาทกรรมความทันสมัย ผ่านโครงการพัฒนาต่างๆ ของรัฐที่เข้าไปดำเนินงานในชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มักมุ่งเน้นไปที่ปัญหาความมั่นคงของชาติและการส่งเสริมให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงการผลิตไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น การจำกัดสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากร การปรับเปลี่ยนจากวิถีชีวิตแบบยังชีพเข้าสู่ระบบการตลาด โครงการพัฒนาต่างๆ นั้น ยังละเลยการให้ความสำคัญกับมิติทางวัฒนธรรม อันประกอบด้วยความหลากหลายและซับซ้อนของประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น พลังทางวัฒนธรรม ทุนทางสังคม ตลอดจนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการกำหนดชะตากรรมของตนเอง ซึ่งมิไม่ได้เปิดพื้นที่ให้กลุ่มวัฒนธรรมต่างๆ ได้ตอบโต้หรือเคลื่อนไหวเพื่อแสดงออกถึงอัตลักษณ์ของตน

การประชุมวิชาการ “ชาตินิยมกับพหุวัฒนธรรม” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 22-23 ธันวาคม 2551 โดยศูนย์ภูมิภาคด้านสังคมศาสตร์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มุ่งที่จะทบแนวความคิดในการพัฒนากลุ่มชาติพันธุ์ในมิติทางวัฒนธรรม ในแง่มุมต่างๆ เช่น สิทธิมนุษยชน สุขภาพ การจัดการทรัพยากรฯลฯ อีกทั้งยังเป็นการเปิดเวทีการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ และสร้างเครือข่ายการทำงานด้านชาติพันธุ์ระหว่างหน่วยงานรัฐ นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน และผู้สนใจทั่วไป

ใครไปก็อาจเจอกันครับ :)

technorati tags: , , ,

2008-09-06

New Blood, New Media in the New City

ไปเชียงใหม่มาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน มีงานสัมมนาเกี่ยวกับสื่อใหม่/สื่อนฤมิต* จัดโดยคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจอคนเยอะแยะ เดินทางสู่ผู้คน

เลยงอกออกมาเป็นดูโอคอร์ตอนพิเศษ อย่างน่าดีใจ

ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่ channel.duocore.tv/new-media-in-chiang-mai

ขอบคุณทีมงานคณะการสื่อสารมวลชน + CAMT ทีม minimal gallery ขลุ่ย เมฆ ชา และพี่ปูคนขับรถที่พาเราไปทุกที่

บรรยากาศเชียงใหม่เปลี่ยนไปนิดหน่อย ที่ช้างคลานผมเห็นร้านที่เคยไปปิดลง หลายร้านบนถนนนั้นก็ปิดด้วย คนที่นั่นว่ามันไม่บูมเหมือนสองปีก่อน ที่มีงานพืชสวนโลก แต่รวม ๆ มันก็ยังเป็นเชียงใหม่นั่นแหละ ไม่ได้ต่างจากเดิม

จริง ๆ ที่ไหน ๆ มันก็เปลี่ยนทั้งนั้น และการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอ เหมือนใครซักคน (วิชา?) พูดระหว่างฝนตกหน้าร้าน minimal

“คนที่บอกว่าปายเปลี่ยนไปไม่ดีเลย ก็คนเชียงใหม่คนกรุงเทพนั่นแหละ คนปายเขาชอบ”

หรือที่แพทว่า

“คนเชียงใหม่ไม่รู้หรอกว่านิมมานเปลี่ยนไป คนเชียงใหม่เขาไม่ได้มานิมมาน มีแต่คนกรุงเทพแหละที่มาเที่ยว”

ใช่ หลายครั้งการเปลี่ยนแปลงมันโหดร้าย แม้กระทั่งกับ “การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” ไปนอนบ้านริมน้ำ ซื้อของตลาดน้ำ ตกค่ำ ๆ ก็นั่งเรือไปดูหิ่งห้อย มันก็ยังเป็นปัญหาได้ ถึงขนาดชาวบ้านบางคนลงมือตัดต้นลำพูริมบ้านตัวทิ้ง เพราะรำคาญนักท่องเที่ยว ที่มักจะล่องเรือมาดูหิ่งห้อยตอนเขาเข้านอนแล้ว หรืออาจยังไม่นอนแต่รู้สึกว่าเสียความเป็นส่วนตัว

จะว่าไป การพยายามจะหยุดเวลาหรือสร้างหน้าตาให้เหมือน “เดิม ๆ” อย่าง อัมพวา มันก็คือการเปลี่ยนแปลง คือความไม่เป็นไปตามธรรมชาติอย่างหนึ่ง อย่างปฏิเสธไม่ได้

มันไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยน

ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงที่ เปลี่ยน หรือ ไม่เปลี่ยน แต่อยู่ที่ว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น คนท้องถิ่น-ซึ่งต้องอยู่ที่นั่นทุก ๆ วัน เพราะมันเป็นบ้านเขาไม่ใช่แค่ที่ตากอากาศ-เขายินดีกับมันแค่ไหน การที่คนนอกจะไปกะเกณฑ์ว่า เชียงใหม่ต้องเป็นแบบนี้ ปายต้องเป็นแบบนั้น อัมพวา สามชุก ฯลฯ ต้องเป็นต่าง ๆ นานา

แต่ดูเหมือนแนวคิดคำว่า “วัฒนธรรม” ในสังคมไทย จะยังยึดอยู่กับคำว่า “อนุรักษ์” ความเปลี่ยนแปลงใด ๆ จึงเป็นปัญหาเสมอ

ของใหม่อะไรก็ตามมักจะเป็นตัวปัญหา สื่อใหม่/สื่อนฤมิตก็เป็นตัวปัญหาในสายตาสังคมและรัฐ ผมว่าไว้อย่างนั้นในงานสัมมนา

ที่เป็นตัวปัญหา เพราะสังคมและรัฐยังไม่รู้จะทำความเข้าใจและจัดการกับมันอย่างไร

สังคมไทยในจินตภาพของเรา เป็นสังคมที่โอบอ้อมอารี ผู้คนยิ้มแย้ม ช่วยเหลือเป็นมิตรกัน เมื่อเกิดเหตุเด็กฆ่าแท็กซี่ เราช็อก ไม่รู้จะอธิบายมันด้วยคำอธิบายที่เราเชื่อกันใช้กันมานานได้อย่างไร

ทางออกที่สะดวกที่สุด (และมักง่ายที่สุด) ก็คือ โยนความผิดบาปไปให้ของใหม่

เมื่อก่อนบ้านเราไม่มี “เกมออนไลน์” ไม่เคยมีปัญหาอะไร ไม่มีเด็กฆ่าแท็กซี่ มาวันนี้บ้านเรามี GTA แล้วก็มีเด็กฆ่าแท็กซี่ เฮ้ย GTA มันต้องเป็นต้นเหตุแน่ ๆ !!

ง่ายดีไหมครับ

สื่อใหม่ก็เหมือนกัน สิ่งพิมพ์ ภาพยนตร์ ทีวี วิทยุ เหล่านี้สังคมและรัฐรู้วิธีจัดการกับมัน รัฐเองมีกฎหมายไว้ควบคุม สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหา สื่อนฤมิตที่มาใหม่สิที่เป็นตัวปัญหา อินเทอร์เน็ตที่มาใหม่สิที่เป็นตัวปัญหา

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่พ.ร.บ.ฉบับแรกที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ-อนุรักษ์นิยมที่มาจากการรัฐประหาร หยิบมาพิจารณาและผ่านอย่างรวดเร็ว ก็คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์-ซึ่งมีมาตราที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ — เขา้ต้องมีเครื่องมืออะไรมาควบคุม เพื่อให้เขาพ้นจากความกลัวดังกล่าว

ดู ๆ ไป ก็เป็นสังคมที่ปกครองกันด้วยความกลัวตั้งแต่รากฐานจริง ๆ คือ รัฐก็ออกกฎหมายเพราะกลัว ผู้คนก็ทำตามกฎหมายเพราะกลัวความผิดตามกฎหมาย (หรือถ้าเป็นสมัยศาสนามีอำนาจ ก็คือทำ “ดี” เพราะกลัวบาป กลัวตกนรก) เราจะเรียกสังคมแบบนี้ว่าสังคมอารยะ (civic society) ไหม ? ผมว่าไม่นะ

คุยหลายเรื่อง จบไม่ลง ไม่ได้เขียนนาน เอาเป็นว่าตั้งคำถามหย่อนไว้เท่านี้แล้วก็หนีก่อนละกัน ลองคุยกันดูนะครับเพื่อน ๆ (ผมอาจจะไม่ได้ร่วมวงอย่างทันใจ แต่เชิญคุยกันเองได้เลยครับ)


* ผมค่อนข้างมีปัญหากับการใช้คำว่า “สื่อใหม่” เพื่อแทน New Media และอยากจะใช้คำอื่นแทน เช่น “สื่อนฤมิต” หรืออะไรก็ได้ที่มันมีความเจาะจงกว่า และไม่กำกวมอย่างคำว่า “สื่อใหม่” — คือ บางครั้งเราก็ไม่แน่ใจว่า เขาต้องการหมายถึงอะไร [สื่อ-ใหม่] (สองคำต่อกัน, ใหม่ ขยาย สื่อ) หรือ [สื่อใหม่] (คำเดียวกัน) — ในภาษาอังกฤษ เราสามารถใช้วิธี capitalize มันได้ ก็เขียน New Media ไปซะ ในบริบทที่ถ้าเขียน new media แล้วมันจะเป็นปัญหา — หรือในภาษาเยอรมันก็จะชัดเจนว่า เขาใช้คำว่า Neue Medien แทนที่จะเป็น neue Medien (คำนามในภาษาเยอรมันตัวแรกจะเขียนเป็นตัวใหญ่หมด ส่วน neue นั้นเป็นคำวิเศษณ์ ปกติต้องเขียนตัวเล็ก แต่ในที่นี้ คำว่า Neue Medien มันเป็นคำนามคำเดียวกัน ไม่ได้แยก) — แต่ภาษาไทยไม่มีกลไกระดับ typography อย่างนั้น (หรือ morphology ด้วย?) ทางที่ทำได้ก็น่าจะเป็นการเลี่ยงไปใช้คำอื่นซะ ข้อจำกัดพวกนี้-ประกอบกับเรื่อง ๆ อื่น น่าจะเป็นเหตุที่ทำให้มีการคิดศัพท์ใหม่ ๆ ขึ้น แทนที่จะใช้คำเดิม ๆ

technorati tags: , ,

2007-10-08

Remember, Remember the Sixth of October

สัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องครบรอบหลายอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตผม

2 ตุลา .. 26 ปีที่แล้ว วันเกิดเพื่อนที่เจอกันที่เบอร์ลิน

3 ตุลา .. 17 ปีที่แล้ว วันรวมชาติเยอรมัน “Tag der Deutschen Einheit” หลังจากกำแพงเบอร์ลินพังลง

4 ตุลา .. ปีที่แล้ว ผมลาเบอร์ลิน

5 ตุลา .. ปีที่แล้ว ถึงกรุงเทพ ไปงานแต่งงานเพื่อนที่เจอกันที่เอดินบะระ-จบธรรมศาสตร์รุ่นเดียวกัน

6 ตุลา .. 31 ปีที่แล้ว ที่ธรรมศาสตร์ สังหารหมู่นักศึกษาและประชาชน

7 ตุลา .. 58 ปีที่แล้ว “Tag der Republik” วันก่อตั้ง DDR เยอรมนีตะวันออก ที่ ๆ ผมเคยทำงาน

จริง ๆ แล้วผมเป็นคนขี้ลืม

technorati tags: , ,

2007-09-11

when love flourish

ดูละครช่องสาม “เมื่อดอกรักบาน” แล้วพาลจะร้องไห้ T-T

ตอนจบจันทร์หน้าครับ

(เพิ่งเคยดูจริง ๆ ตอนแรกวันนี้ ก่อนหน้านี้เคยเปิดผ่านหนึ่งครั้ง)

technorati tags: ,

2007-08-03

Red for NO

“แดงไม่รับ”
รณรงค์เชิงสัญลักษณ์ ‘ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550’

นัดสวมเสื้อสีแดง
เที่ยงตรง
เสาร์ 4 ส.ค. 50 (พรุ่งนี้)

กรุงเทพ — สยามเซ็นเตอร์ และ สยามสแควร์
เจอกัน และช่วยกันแจกเอกสาร สติ๊กเกอร์ และโปสเตอร์รณรงค์
จากสยามสแควร์ ไปตามเส้นทางสุขุมวิท

เชียงใหม่ — ร้านเคเอฟซี ในห้างเซ็นทรัลแอร์พอร์ต พลาซ่า
เจอกัน และรับประทานอาหารร่วมกัน

เชียงราย — ร้านเคเอฟซี ในห้างบิ๊กซี จ.เชียงราย
เจอกัน และรับประทานอาหารร่วมกัน

(เชียงราย และ เชียงใหม่ ยังอยู่ในกฎอัยการศึก งดแจกเอกสาร)

จังหวัดอื่น ๆ สามารถร่วมใส่ได้เช่นกัน :)

ทำไมไม่รับ ? ... ดูเนื้อหาการดีเบตรัฐธรรมนูญ 2550 มีอะไรหมกเม็ดไว้บ้าง ?

technorati tags: , ,

2007-05-16

nature calls

ฝนตก น้ำท่วม แผ่นดินไหว

แต่คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ใช่ไหม?
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก :)

2007-05-14

Chiang Mai May 2007 photos

มึนงงกับหลากหลายบริการแสนดี-ฟรี สุดท้ายคือ อัพมั่ว

รูปเชียงใหม่รอบล่าสุด ที่ multiply flickr และ picasa

technorati tags: ,

2007-05-13

Waiting for Bangkok

เชียงใหม่ฝนตก สี่

18:46
(เย็นวันอาทิตย์)

กลับมาที่นิมมานอีกรอบ

ฝนตกตลอดเวลา

เที่ยวบินไปดอนเมือง ที่ราคาพอรับได้ มีอีกทีก็โน่น สามทุ่มสี่สิบ นกแอร์

ก็เลย หลังจากจองตั๋ว นั่งรถเมล์เข้ามาในเมืองใหม่

ถูกแซงคิวตอนซื้อตั๋วเครื่องบิน
“ขอโทษครับ” “ขอบคุณครับ”
สองประโยคติดกัน เป็นการห้ามปราม
พร้อมกับเดินเข้าไปที่หน้าช่องขายตั๋วทันที

รถเมล์วิ่งไปไหน สาย 6R เขียนว่า วนขวา
หนองหอย สนามบิน อะไรทำนองนี้
ขึ้นไปแล้วค่อยถามละกัน ไม่ได้รีบ

สุดท้ายได้ไปลงหลังมอ
เออ ยังไม่ได้มาแถวนี้เลยหนิ

ของกิน หนังสือเช่า ร้านซักรีด และสารพัดกิจการเท่าที่จะนึกออกได้ สำหรับเด็กหอ
บรรยากาศนักศึกษาอย่างที่สุด ประมาณแถวเชียงราก แต่หนาแน่นกว่าเยอะ
โน่น โต๊ะข้าง ๆ ใส่เสื้อคณะทั้งโต๊ะ ศึกษาศาสตร์

กินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยไปหนึ่งชาม
(ถัดไปหน่อย มีร้านชื่อ ภูเก็ต - นานาชาติจริง ๆ ประเทศนี้)

แล้วก็เดินมาเรื่อย ๆ ผ่านคลองชล หอศิลป์
สุดท้ายก็กลับมาที่นิมมาน

...

ก่อนหน้านี้ไปนั่ง Sunday Cafe by Vajira and friends มา
ชอบนะ
แปลก ๆ นิดหน่อย อาจจะเพราะมันกันเองจัด แต่ดีทีเดียว :)

เปิดแผ่น เพลงแนวที่คิดว่า anpanpon มันต้องชอบแน่
เอาเพลง I love you, ono ของ Stereo Total ให้พี่เค้าเปิดด้วย
(ในโปสการ์ดโปรโมตงาน มีบอกด้วยว่า ให้นำเพลงของคุณมาเปิดได้หนึ่งเพลง)

Slot Machine มาด้วย มีกิ๊กเล็ก ๆ ร้อง+เล่นอคูสติก ดีนะ
(ถ่ายวีดิโอคลิปมานิดหน่อย ว่าจะส่งไป jiggaban.com พร้อม ๆ กับคลิปเมื่อคืนที่ขันอาษา รอไปดูที่นั่นละกัน ไม่รู้จะใช้ได้รึเปล่า)

มาเชียงใหม่คราวนี้ ได้พบได้เจออะไรเยอะแยะทีเดียว

และเป็นอีกครั้ง ที่ผมได้เดินทางไปสู่ผู้คน ไม่ใช่สถานที่

มีเพื่อนใหม่ ๆ :)


เชียงใหม่ฝนตก: หนึ่ง สอง สาม สี่

technorati tags: , ,

Sun-day Cafe

เชียงใหม่ฝนตก สาม

14:13
(บ่ายวันอาทิตย์)

อยู่ที่ Cafe de Nimman

มีงาน “Sunday Cafe”
Smirnoff น้ำเมาสีใสเป็นผู้สนับสนุน
เครื่องดื่มและขนมฟรี

บีนแบ็กเกลื่อนพื้น สีแดงขาว
ฝนข้างนอกตก

วชิราจะมาเปิดแผ่นที่นี่อีกแล้ว
มิกเซอร์ชุดเดียวกับเมื่อคืนเลย

ดูไปดูมา เหมือนจะมีแต่คนรู้จักกัน (ซึ่งผมไม่ได้รู้จักกับเค้านะ) ในร้าน
คลับคล้ายคลับคลางานที่ขันอาษาเมื่อวาน
กันเองดี

ฝนดูท่าจะหยุดแล้ว

ตก ๆ หยุด ๆ เป็นอย่างนี้ในทุกวันที่อยู่ที่นี่
จนไม่มีประโยชน์ที่จะถามว่า “ฝนตกรึเปล่า?”
เพราะชั่วเวลาหันไปดูว่าฝนตกไหม และหันกลับมาตอบ เมื่อคุณหันกลับไปดูฟ้าอีกที มันอาจจะกลายเป็นคนละอย่างกับที่เพิ่งตอบไปก็ได้
เมื่อวานไม่ได้ไปเที่ยวไหน กว่าจะออกจากบ้านก็หกโมงโน่น รอฝน

ออกจากบ้านมิเชลตอนเกือบบ่ายโมงได้
พี่อ้อแฟนแกมาส่งที่นิมมาน

กินราเม็งไม่หมด ปวดท้องที่กลางชาม
ไม่ค่อยได้กินอะไรเยอะ ๆ ก่อนบ่ายสามมานานแล้ว

ว่าจะเขียนโปสการ์ด ยังไม่ได้เขียน
จะเขียนอย่างไรดี ให้สื่อสารโดยไม่ทำลายความรู้สึกดี ๆ

แดง ขาว แดง ขาว

แถบสีที่บอกให้หยุด

ห่าง ๆ กันอย่างที่เธอว่า ดูจะดีกว่าจริง ๆ

วันนี้เป็นวันดีอีกหนึ่งวัน


ป.ล. Smirnoff จะจัดงานปาร์ตี้ที่กรุงเทพ 26 พ.ค. นี้ พี่ที่จัดงานเค้าว่า ใส่เสื้อขาวไปนะ เดี๋ยวจะมีโปรเจคเตอร์ยิง ๆ interactive art งานจัดที่ดาดฟ้าตึกจอดรถรถไฟฟ้าใต้ดิน รัชดา (ศูนย์วัฒนธรรม?) ใกล้เอสพลานาด - ตามรายละเอียดได้ที่ www.beclearlyoriginal.com (นี่เข้าข่ายโฆษณาเหล้านะ)


เชียงใหม่ฝนตก: หนึ่ง สอง สาม สี่

technorati tags: , ,

Fall on deaf heart

Fall on Deaf Ears - May 2007 - party by Vajira

เชียงใหม่ฝนตก สอง

1:49
(คืนวันเสาร์ เช้าวันอาทิตย์)

กลับมาถึงบ้านมิเชลแล้ว

การมาเชียงใหม่ครั้งนี้ ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายจนเกินไปนัก - เพื่อนบางคนเป็นห่วง

ออกจะสนุกเสียด้วยซ้ำ

ผมได้พบอีกครั้ง หลังจากลืมไปเสียนาน ว่าเพื่อนนั้นเป็นอะไรที่สำคัญเหลือเกิน และดูเหมือนจะช่วยบรรเทาสารพัดสิ่งให้เราได้ แน่นอน ไม่มีใครแก้ปัญหาอะไรให้เราได้
แต่เพียงเมื่อมีความรู้สึกว่า มีใครรับฟังเรา และพยายามจะเข้าใจเรา เท่านั้นมันก็เป็นกำลังใจอย่างมากแล้ว สำหรับเราที่จะผ่านปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวเราเองต่อไป

อันที่จริงแล้ว ผมรู้ในข้อสำคัญนี้มานานแล้ว เหมือนที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ - เพื่อน

หากแต่บางชั่วยามที่เผลอไผล ใจมันก็หวังจะเปลี่ยนเพื่อนที่ใกล้ชิดให้กลายเป็นอื่นไปเสีย

ซึ่งก็ได้พบแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่าเท่าใดนัก

วันนี้ที่ร้านขันอาษา ใกล้ประตูช้างเผือก

เมี๊ยะ รุ่นน้องที่มหาลัย มาเที่ยวด้วยกันเป็นเพื่อน
เธอมาจากลำปาง วันรุ่งขึ้นจะมาทำฟันพอดี

วชิราบรรเลงแผ่น ผู้คนมากมายยิ้นแย้มโอภาปราศัยเป็นมิตร เราเอาความสุขมาแบ่งปันกันที่นี่

ก่อนหน้านี้ หลังจากนี้ ใครบางคนอาจมีทุกข์ปัญหา วาระที่ต้องขบคิดกังวล
แต่ในช่วงสามสี่ชั่วโมงที่เราใช้จ่ายด้วยกัน แบบหมู่คณะ
ดูเหมือนมันจะฟื้นฟูพลังงานบางอย่างในตัวเราคืนมา

Fall on Deaf Ears atmosphere

เสียงดนตรีที่พอใจ และบรรยากาศความสนุก
ผมเต้นและกระโดด โลดแล่นบนพื้นและในความคิด
ปากตะโกนร้องเพลงอย่างไม่คิดจะเก็บไว้
คนควบแผ่นดูเหมือนจะชอบโมเดิร์นด็อกและสครับบเป็นพิเศษสำหรับคืนนี้

พรุ่งนี้ผมจะกลับกรุงเทพอย่างมีความสุข

และหวังว่าเพื่อน ๆ ทุกคนจะมีความสุขสบายใจเช่นกัน
สิ่งที่เป็นระยะเวลานานแล้ว ที่ผมไม่สามารถให้คนรอบข้าง หลายคน รู้สึกได้
คงเหมือนการเล่าเรื่องตลก ยิ่งคุณพยายามทำให้ขำ ยิ่งไม่ขำ

พรุ่งนี้ผมจะกลับกรุงเทพอย่างเป็นธรรมชาติ หวังว่าอย่างนั้น


ป.ล. Fall on Deaf Ears จะไปเล่นที่กรุงเทพ วันที่ 15 มิถุนานี้ ที่ร้านปลาดิบ พหลโยธิน บีทีเอส อารีย์ ตามข่าวได้ที่ iamvajira.blogspot.com เขาว่าถ้ามีเสื้อลายขวางก็ใส่ไป


เชียงใหม่ฝนตก: หนึ่ง สอง สาม สี่

technorati tags: , ,

bact' is a friend in/of Chiang Mai

เชียงใหม่ฝนตก หนึ่ง

21:19
(คืนวันเสาร์)

ขณะที่พิมพ์โพสต์ชิ้นนี้ ผมนั่งอยู่หน้าร้าน “ขันอาษา”

ร้านเต็ม ไม่มีที่นั่ง ไม่รู้จะยืนตรงไหน กลัวบังเขา ดูเกะกะ

เลยหาที่นั่งนอกร้าน บ้านข้าง ๆ เขาปิดแล้ว และเปิดโน๊ตบุ๊ค - บ้า

don't leave me high, don't leave me dry

วันนี้ วชิรา มาเปิดเพลงที่ร้านนี้
กิจกรรมหนึ่งเดือนหนึ่งครั้ง “ทะลุหูขวา” Fall on Deaf Ears

ผู้คนคึกคัก

นัดรุ่นน้องไว้ คนหนึ่งท่าจะไม่มาแล้ว อีกคนหนึ่งกำลังจะมา

มาคราวนี้ เป็นเชียงใหม่อีกแบบ ที่ผมควรจะรู้จักไว้

Chiang Mai moto

ขี่มอไซค์รอบเมือง ดูนั่นดูนี่ เข้าตรอกซอกซอย มีความสุขกับตัวเอง
พบสถานที่ใหม่ ผู้คนใหม่ อะไร ๆ ก็ใหม่ไปหมด — เชียง-ใหม่ มาก ๆ :)

เพลงเพราะ บรรยากาศดี
ผมนั่งอยู่ริมถนน เพลิน ๆ

ฝนตกทั้งวัน ไม่ได้ออกไปไหน ได้ออกจากบ้านก็โน่น ห้าโมงกว่า
ไปนั่งอยู่ร้าน happyhut นิมมานเหมินทร์ ใช้อินเทอร์เน็ต ในร้านหนาวสั่น

โอ๊ย เพลงนี้ก็เพราะอีกแล้ว

ผมว่าแบบนี้ก็ดีนะ

คือคุณต้องอยู่กับตัวคุณเองให้ได้ก่อน
มีความมั่นคง มั่นใจ
ไม่งั้นก็อย่าหวังว่าใครจะมาอยู่กับคุณแล้วจะสบายใจเลย

ผมโลเล เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เดินทาง เปลี่ยนที่ ย้าย ตลอดเวลา moving relocating
บางคนรวมถึงพี่สาวผม บอกผมว่า พวกเขาเหมือนจะมองเห็นว่า ผมมองเห็นเป้าหมายในชีวิตตัวเองอย่างไร
แต่ตัวผมเองนั้น รู้สึก แกว่ง ๆ ในบางที
รู้ว่าต้องการอะไร แต่ไม่รู้จะไปยังไง บางคราว

เพลงนี้ก็เพราะ (ไม่รู้จักชื่อสักเพลง)

ไม่รู้จะเดินทางไปไหนกันนัก

ไปก็แต่ตัว ประสบการณ์ก็คงแต่ทางกาย สมอง ความรู้

แต่เหมือนใจจะไม่ไปไหน ย่ำอยู่กับที่ ไม่มีการเรียนรู้ พัฒนา

เพื่อนอย่างน้อยสองคน บอกผมว่า ผมไม่เหมือนคนที่เคยรู้จัก
หมดความมั่นใจ ไร้เสน่ห์

ดูท่าจะจริง - ไม่ล่ะ จริงเลยทีเดียว

สิงห์เล็ก 50 สิงห์ใหญ่ 85
ไม่มีที่นั่ง กินสิงห์เล็กละกัน
เดี๋ยวไปจัดการต่อ

เราว่าเราเป็นคนรักเพื่อน - ใช่มั๊ย ?
แต่บางครั้งบางที เรายังไม่รู้ว่าจะรักยังไงให้ไม่เกินเพื่อนดี

เพลงนี้ก็เพราะ

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ล้วนเป็นเรื่องดีงาม

เขาเปิดเพลง “Silent sigh” จาก About a Boy

เฮ้ ผมรักบรรยากาศนี้ ช่วงเวลานี้ เมืองนี้ ประเทศนี้ โลกนี้ และผู้คนในโลกนี้
ทุกคน และ ทุกคน

bact' is a friend :)


ป.ล. ชาวเชียงใหม่ ฟังวชิราเปิดแผ่นได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 12:00-14:00 น. คลื่น 106.5 MHz สนับสนุนโดย Nokia


เชียงใหม่ฝนตก: หนึ่ง สอง สาม สี่

technorati tags: , ,

2007-05-05

survey survey

ช่วยกันตอบคำถามชิล ๆ หน่อย? :P

เวลาไปเชียงใหม่ ชอบไป
“นั่งเฉย ๆ” แถวไหน?
“นั่งทำงาน” แถวไหน?
“นั่งอ่านหนังสือ” แถวไหน?
“นั่งเล่น” แถวไหน?
“นั่งคุยกับเพื่อน” แถวไหน?

(หรือจะตอบเป็นร้าน/ย่านในกรุงเทพหรือที่อื่นก็ได้ครับ)

เวลาตัดสินใจเข้าไปนั่งร้านไหนซักร้าน อะไรสำคัญ?

จะไม่กลับไปร้านนั้นอีก ถ้า...?

กลับไปร้านไหนบ่อย ๆ เพราะ...?

ขอบคุณครับ :)

2007-05-01

walking to Chiang Mai streets

(โพสต์ที่ 2,000 มอบให้กับเรื่องราวที่เชียงใหม่)


nokhook69:
Chiang Mai Walking Street ถนนคนเดินเชียงใหม่ ธุรกิจแอบแฝง และสินค้าจากโรงงานอุตสาหกรรม

แม้จะไม่ได้ต่อต้านสินค้าโรงงาน แต่ก็คิดเหมือนกันว่า
มันน่าจะมีที่ทางให้กับสินค้าทำมือจริง ๆ บ้าง

ยิ่งคิดว่า เอางบรัฐ ถนนหลวง มาจัดงานแล้ว ยิ่งน่าจะสนับสนุนคนเล็ก ๆ เสียหน่อยสิ

...

จากบล็อกเดียวกัน มีข่าวมาฝาก จริง ๆ เห็นจากบล็อก filmsick นานแล้ว แต่ลืมบอกต่อ

โปรเจค: โฮะ! ดีไซน์ เหล่านักออกแบบจากล้านนา
ไปดูรายละเอียดที่บล็อกนกฮูกละกัน

...

เช้าวันนี้มีคนถามว่า ทำไมถึงอยากไปอยู่เชียงใหม่ ?

นอกจากเพราะขนาดมันกำลังพอดีแล้ว ก็คงเพราะมีคนที่เราสนใจอยู่เยอะล่ะมั้ง กลุ่มข้างบนนั้นก็กลุ่มหนึ่ง กลุ่มที่มช. ที่ม.เที่ยงคืนนั้นก็น่าสน และคนอื่น ๆ อีก

จริง ๆ ที่ไหน ๆ ก็มีคนน่าสนใจอยู่เต็มไปหมดแหละ

แต่ถ้าถามถึงคนที่เราสนใจที่สุด ก็ต้องมีอยู่ที่เดียวใช่ไหม ?

ก็เดินเนิบ ๆ แบบนี้ จะถึงเมื่อไหร่ดี :)

technorati tags:

2007-04-30

you are what you love

ในหลาย ๆ ครั้ง ผมมักจะทำอะไรไม่เข้าท่าเข้าทางอยู่เสมอ

พูดไม่ดีบ้างล่ะ ถามคำถามที่ไม่ควรถามบ้างล่ะ แสดงออกไม่ถูกกาละเทศะบ้างล่ะ

โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัว - คนที่ผมห่วงความรู้สึก

เหมือนกับบางที ยิ่งห่วงความรู้สึกเขามาก ก็ยิ่งอยากรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ และนั่นกลับยิ่งทำให้อะไร ๆ มันแย่ลง

ห่วงให้น้อยกว่านี้ ห่างให้มากกว่านี้ - เขามีโลกส่วนตัวของเขา ที่ถ้าเราไม่เข้าใจ ก็ไม่ควรจะเข้าไปให้เขาไม่สบายใจ

ห่าง แต่อย่าหายไปเลย

...

หัวใจผมบีบตัวแปลก ๆ เรียกร้องความสนใจ เหมือนจะเตือนว่ามันยังคงอยู่ตรงนั้น ที่ ๆ มันเคยอยู่มาตลอด ไม่เคยไปไหน

ใช่ หัวใจของผม ยังไงมันก็ยังเป็นของผม — ผมมีความสุขดี

Charlie: How come you looked so happy?

Donald: I loved Sarah, Charles. It was mine, that love. I owned it. Even Sarah didn't have the right to take it away. I can love whoever I want. ... You are what you love, not what loves you. That's what I decided a long time ago.

(จาก Adaptation. ที่ได้ดูซ้ำเมื่อวาน)

technorati tags:

2007-04-12

cnx-hkg

ขอให้ฮ่องกงอากาศดี ๆ ก็แล้วกันนะ :)

2007-04-01

Chiang Mai International Art & Culture Festival 2007

เทศกาลศิลปวัฒนธรรมนานาชาติ เชียงใหม่ 2550
1-9 เมษายน 16:00-22:00 น.
ณ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และจุดอื่น ๆ รอบเมือง

www.chiangmaiart2007.com


กำหนดการ ณ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์

อาทิตย์ 1 เมษา
ฟ้อนเทียน ตามแบบคุ้มเจ้าหลวงเชียงใหม่
ดนตรี วงดุริยางค์ทหารเรือ + รัดเกล้า อามระดิษ
จันทร์ 2
การแสดงโดย วิทยาลัยนาฎศิลป์ เชียงใหม่
อังคาร 3
การแสดงโดย วิทยาลัยนาฎศิลป์ สุพรรณบุรี
พุธ 4
การแสดงโดย วิทยาลัยนาฎศิลป์ ร้อยเอ็ด
พฤหัสบดี 5
การแสดงโดย วิทยาลัยนาฎศิลป์ พัทลุง
ศุกร์ 6
การแสดง ญี่ปุ่น
การแสดง หลวงพระบาง
การแสดง เวียดนาม จีน พม่า และรวมนานาชาติ (นศ.นานาชาติ มช.)
เสาร์ 7
ละครหุ่นล้านนา (Hobby Hut Puppet Troupe)
ละครหุ่นกระบองลาว (เวียงจันทน์)
ดนตรี วง ETC + วิยะดา โกมารกุล ณ นคร, เจนนิเฟอร์ คิ้ม, โก้ แซ็กแมน, ฟอร์ด
อาทิตย์ 8
ละครหุ่นล้านนา (Hobby Hut Puppet Troupe)
ละครหุ่นกระบองลาว (เวียงจันทน์)
รวมศิลปินถิ่นล้านนา เช่น ครูแอ๊ด ภานุทัต อภิชนาธง ตลกคำเมืองทีมงานชัย ชวนชิม, เก๋า, วิฑูรย์ ใจพรม
จันทร์ 9
ดนตรี สุนทราภรณ์ วงใหญ่

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในจุดอื่น ๆ เช่นที่ โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา เป็นต้น

technorati tags: , ,

2007-03-31

Stories from somebody else's sidewalk

กลับมากรุงเทพใหม่ ๆ เดินเยอะมาก, มาพักหลัง ๆ นี้ เริ่มน้อยลง

ควรจะกลับมาเดินใหม่ได้อีกแล้ว คิดถึง

เดินไปเรื่อย
บล็อกเรื่องเล่าจากริมทาง เดิน กิน คุย คิด เขียน

ไป(อ่าน)เป็นเพื่อนร่วมทางกันได้ :)

...อยากจะร่วมเดินที่ฝั่งตะวันตก

technorati tags:

2007-03-23

Untitled 2006.12.15

(ผมเขียนเรื่องนี้เมื่อราวตีหนึ่ง เดือนธันวาปีก่อน 2006.12.15 แต่ทำไปทำมา พิมพ์แล้วก็ไม่ได้เอาลงบล็อก หยุดไว้แค่ที่เป็นดราฟท์ วันนี้ไปค้นมาลงละกัน ไม่ได้แก้อะไรเพิ่ม - กล้องที่ว่าเจ๊งในบรรทัดแรก ก็ซ่อมเสร็จแล้ว เพื่อนที่แสนดีเอามาให้ที่บ้านเมื่อวานนี้เอง)

 


 

กล้องผมเจ๊งมาได้ซักพักละ เดือนนึงได้มั้ง

เมื่อกล้องเจ๊ง ความอยากเดินไปไหนไหนที่ไม่เคยไปก็ลดลงไปหน่อยนึง บวกกับเวลาที่ว่างน้อยลง งานเริ่มจะเยอะขึ้น สารพัดข้ออ้าง ... ในที่สุด กรุงเทพของผม ก็หดลงมาเหลือเท่าเดิม เท่าที่ผมเคยอยู่กับมันเมื่อสามสี่ปีก่อน บ้าน ที่ทำงาน สยาม ที่ทำงาน บ้าน สยาม ท่าพระจันทร์บางครั้ง ถนนพระอาทิตย์บางหน ใบเมี่ยงนาน ๆ ที และท่องหล่อยามใจแตก ... เมื่อพื้นที่ลด มิติหด ใจบางส่วนก็หายไปด้วย

สถานะของการเพิ่งกลับบ้านเกิดเมืองนอน หมดความสดไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ผมกลับมาเป็นพลเมืองของกรุงเทพมหานครอย่างเต็มตัว โอเค แม้สิทธิบางอย่างของผม และแน่นอน ของคุณ ๆ ด้วย จะหดหายไปบ้างในช่วงนี้ แต่ก็ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่า ผม(เรา?)ยังเป็นพลเมืองอยู่ เนื่องจากผมอยากเป็นอย่างนั้น

เมื่อวานนี้ที่มช.โทรมา ถามว่าตกลงได้งานที่ไหนรึยัง ทำนองว่าเค้าจะรับแล้วล่ะ ... สายไป ผมมาทำงานที่มธ.ซะแล้ว ความคิดที่จะไปเป็นคนเมือง (ในความหมายว่า คนเชียงใหม่) ก็ต้องพักลงไป อย่างน้อยก็ชั่วคราว ตามสัญญาโครงการ 1 ปี ... แน่นอนว่าเสียดาย ผมอยากไปอยู่แถวนั้น เอาน่ะ ถ้าอยากจะไปเสียอย่าง ยังไงเดี๋ยวก็หาโอกาสใหม่

จากประสบการณ์แวบไปแวบมา อยู่สองครั้ง ครั้งละหนึ่งวัน ผมชอบขนาดของเมืองเชียงใหม่ มันไม่ใหญ่เกินไป และมีทุกอย่าง เท่าที่ผมจะนึกออกและต้องการ

กรุงเทพนั้น ตามจริงแล้วเป็นเมืองที่ดี เป็นเมืองผมรัก โดยเฉพาะถ้าผมไม่ต้องทำงาน ในความหมายว่างานประจำ ที่ต้องเข้าออกงานตามเวลาที่คนส่วนใหญ่เข้าออก สิ่งที่ทำให้ความน่ารักของกรุงเทพลดลงไปบ้าง จนบางทีหงุดหงิด นั้นก็คือ จราจรที่เหมือนจลาจล ติดขัด และควันพิษ หากการเดินทางในกรุงเทพมีทางเลือกมากกว่านี้ สะดวกสบายกว่านี้ นี่คือเมืองในฝันของผม (ผมไม่ค่อยฝันถึงเมืองอื่นบ่อยนัก อาจจะเพราะกลัวหลงทาง) การจะรักกรุงเทพเพิ่มขึ้นได้ง่าย ๆ อย่างนึงคงเป็นการใช้ถนนในกรุงเทพในช่วงเวลาที่คนอื่นใช้น้อย ๆ

วันสองวันนี้ ผมเริ่มคิดอีกครั้งว่า กรุงเทพนั้นเหนื่อยเกินไป เพื่อนผมที่เชียงใหม่ก็ว่า จริงอยู่บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด ผมจะไปโทษกรุงเทพอย่างเดียวคงไม่ได้ จริง ๆ แล้ว บางกะดี (ที่ทำงานผม) นั้น อยู่ปทุมธานีต่างหาก เดินทางข้ามจังหวัด ด้วยขนส่งมวลชน คงจะต้องเหนื่อยล่ะ

เมื่อวานนี้ผมกลับถึงบ้านราวสี่ทุ่มครึ่ง โทรหาเพื่อนที่เชียงใหม่ หากจะถามว่า มีเรื่องคุยอะไรหรือ คงไม่มี โทรไปเพราะอยากคุย คุยอะไรก็ได้ แต่ด้วยความเหนื่อย หรือความล้า หรืออะไรซักอย่าง ผมคุยไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าใดนัก ถามไถ่สบายดีไหม ร้านเป็นอย่างไรบ้าง ดูแลตัวเองนะ หายเร็ว ๆ ไม่มีอะไรมากน้อยกว่านี้นัก ถามคำถามที่ฟังดูซ้ำซาก จนกลัวคนถูกถามจะเบื่อ แต่ก็รักที่จะถาม เหมือนเคยเคยทุกครั้ง

เมืองเชียงใหม่นั้นไม่ได้ไกลเลย หากบินไป ในบางวันยังเร็วกว่าไปธรรมศาสตร์รังสิตเสียอีก แต่ด้วยอะไรบางอย่าง บางครั้งผมก็รู้สึกว่า เพื่อนที่เชียงใหม่นั้นไกลเหลือเกิน ไกลกว่าเมื่อครั้งผมอยู่เบอร์ลินเสียอีก

มีความคิดถึง

เป็นธรรมดา จริงแล้วผมก็คิดอย่างนี้ ที่คนเราแต่ละคนก็ต้องมีหน้าที่ที่ต้องทำต้องรับผิดชอบ บางอย่างนั้นเลือกไม่ได้ แต่เมื่อจำเป็น ก็ต้องทำ เมื่อทำแล้ว ก็ควรจะทำให้ดีที่สุด หากเพื่อนเราคนไหนจะไม่ค่อยว่าง ด้วยเหตุอันใดก็ตาม เราควรจะเข้าใจ ไม่ เราต้องเข้าใจ แต่ละคนก็มีชีวิต มีเวลา 24 ชม.เท่ากันกับเรา ที่จะจัดการ มีเงื่อนไขเรื่องงาน เรื่องครอบครัว ฯลฯ ต่างกันไป

ผมเองก็ยุ่งบ่อย ๆ ลืมและละเลยคนรอบข้างไปก็หลายครั้งหลายคนหลายหน แต่บางครั้งก็ไม่ได้ตั้งใจจะลืมหรือละเลย เพียงไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรให้เหมาะกับโอกาส หรือไม่ก็มีเวลาที่ไม่ตรงกัน

แม้จะเข้าใจ แต่ความเหงานั้นย่อมเกาะกินคนป่วยโรคนี้อยู่ตลอดเวลา

หากจอมมีคนรัก คนรักของจอมคงจะต้องเป็นคนที่วิเศษและพิเศษมากแน่ ๆ เมื่อผู้ป่วยโรคเหงา ผู้รักความเหงา อยากจะมีคนรัก มันก็เป็นความขัดแย้งในตัว

สุดท้าย ที่ผมคิดว่ามันเกิดกับผมตอนนี้ก็คือ เมื่ออาการนิยมเหงาเกิด ผมก็อยากอยู่คนเดียว เมื่ออาการนิยมเหงาหาย ผมก็อยากไปเที่ยวกับใครซักคน คุยกับใครซักคืน พิจารณาแล้ว มันคือ ความเห็นแก่ตัว เป็นแน่

ก็เมื่อ เห็นแก่ตัว ก็จงกลัวเถิดที่จะรัก

 


tags: | |

2007-03-22

lines the dots

(เหตุการณ์สมมติ)

เงียบดีจริง

ห้องที่ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่า เรากำลังอยู่ที่ไหน

ถ้าไม่นับสติ๊กเกอร์ประหยัดไฟเบอร์ห้าที่ตู้เย็นข้างหน้า
และรายละเอียดปลีกย่อย อย่างชนิดของเต้าเสียบปลั๊กไฟ

จากลักษณะเครื่องเรือน และกลิ่นอายบางอย่างแล้ว
เราพอจะพูดได้ว่า ห้องนี้ อยู่ที่ไหนก็ได้ในเอเชีย
โชคร้ายนิดหน่อย ถ้าจะนับไชน่าทาวน์ด้วย ห้องนี้ อยู่ที่ไหนก็ได้ในโลก

รอบห้องสี่เหลี่ยม มีหน้าต่างเพียงบานเดียว มองออกไปมีแต่ความมืด
เนื่องจากความมืดสนิทนั้นเป็นสากล ดังนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์ในการบ่งชี้

ผมนั่งอยู่บนเตียง
เครื่องคอมเครื่องนี้ หอบหิ้วมาจากกรุงเทพ วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง

โต๊ะข้างเตียง ในความหมายว่ามันคือ โต๊ะ-ที่อยู่-ข้างเตียง
ว่ากันโดยลักษณะแล้ว มันไม่ใช่โต๊ะข้างเตียงอย่างที่คนทั่วไป (รวมทั้งตัวผมเอง) จะจินตนาการถึง
แต่โต๊ะข้างเตียง (เอ๊ะ หรือ โต๊ะหัวเตียง ?) ที่มีอยู่ในห้องนี้มันเตี้ยเกินไป วางคอมแล้วใช้ไม่ถนัด
ผมเลยลากเอา โต๊ะเครื่องแป้ง (เดาว่าอย่างนั้น มันอยู่หน้ากระจก) มาวางข้างเตียงแทน

สุดท้ายแล้ว คำเรียกขาน ไม่เคยจำกัดประโยชน์ใช้สอยของสิ่งใดได้ หากผู้ใช้ไม่ไปจำกัดมันเสียเอง

 

เป็นการคุยโทรศัพท์ต่อเนื่องครั้งมโหฬารของผม ในรอบ ไม่รู้เหมือนกัน นานทีเดียวล่ะ
ก่อนที่จะทำงานนิดหน่อย เข้าห้องน้ำ แล้วมาพิมพ์ข้อความถึงตรงนี้

ผองเพื่อนทั้งหลาย ต่างเดือดร้อนกันถ้วนหน้า - ห้าราย ไม่รวมน้องชาย ที่ไม่รับสาย - เสียงเพลงคงดัง

มีเรื่องไม่สบายใจ ซึ่งสาเหตุมาจากตัวผมเองทั้งสิ้น เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ นั่นแหละ จะมีอะไร

สุดท้ายที่ที่เลือกจะเดินทางมา ก็คือที่นี่

สถานที่นั้น ถึงตั้งแต่เมื่อบ่ายแล้ว เร็วกว่านั่งรถกลับบ้านเสียอีก
ส่วนคนนั้น คงยังไม่ถึงแน่

ในหลายครั้ง ผมมักพูดว่า ผมเดินทางไปสู่ผู้คน ไม่ใช่สถานที่

สำหรับจุดหมายนี้ ทางน่าจะยังอีกไกล หรืออาจจะไม่มีวันถึงเลยก็ได้

 

อยู่ดี ๆ ผมก็มาเชียงใหม่
คิดได้เมื่อตอนเช้า

อยากมาจัด ๆ รอบหนึ่ง เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมานี่เอง
แต่คิดอยู่หลายรอบ คงไม่เหมาะ ไม่ดีกว่า
จนกลางดึกเมื่อคืน ก็เริ่มคิดอีก
จนเมื่อเช้า ตื่นขึ้นมา เฮ้ย ไปว่ะ

ตอนบ่ายก็อยู่ที่นี่เสียแล้ว

 

ทุกการเดินทางไปหา มีการเดินทางออกจาก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

ในกราฟ มี จุด และ เส้น เชื่อมกัน เป็นเครือข่าย
การเดินทางในกราฟ ก็คือการเดินจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง ผ่านทางเส้นที่เชื่อมจุดสองจุดนั้นอยู่
ในไฟไนต์เสตทแมชชีน ลักษณะเช่นนี้ คือ ทรานสิชั่น - การเปลี่ยนผ่าน
การเปลี่ยนผ่าน ไม่เพียงจะเป็นการเดินทางไปสู่จุดหนึ่ง และออกห่างจากจุดหนึ่งเท่านั้น แต่ทุกการเปลี่ยนผ่านในไฟไนต์เสตทแมชชีน ยังหมายถึงการเลือก เลือกว่าจะเดินผ่านทางเส้นไหน
เส้นที่เลือกนี้อาจจะนำไปสู่จุดคนละจุดกัน หรือนำไปสู่จุดจุดเดียวกันก็ได้

ในบางครั้ง เมื่อเจอช่วงชีวิตที่ไร้ทางเลือก นั่นก็คือเราเดินทางมาถึงจุดที่มีเส้นเชื่อมออกไปเพียงเส้นเดียว
ส่วนจุดที่ไม่เส้นเชื่อมออกไปเลยนั้น ใช่แล้ว มันคือจุดจบนั่นเอง

กราฟชีวิตของคนเรา น่าจะเป็นกราฟอวัฏจักรระบุทิศทาง เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปในอดีตได้

หากเรามองเห็นกราฟชีวิตของตัวเองทั้งหมดล่วงหน้า
การเปลี่ยนผ่านแต่ละครั้งคงจะง่ายดาย คำนวณมัน ชั่งน้ำหนักมัน ไปตามทางที่เราเห็นว่าดีที่สุด

(จะเรียกว่าโชคชะตาก็ได้ การเลือกทางเดินนี้ ไม่ได้มาจากการตัดสินใจของเราเองทั้งหมด
เช่น หญิงสาวคู่ขนานใน Sliding Doors เดินทางสองทางที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุว่ามีเด็กคนหนึ่งวิ่งมาชนเป็นจุดผลิกผัน อย่างไรก็ดี ทางทั้งสองที่แสนจะต่างกันนั้น กลับมาบรรจบที่จุดที่ใกล้เคียงกันอย่างน่าประหลาด-น่าเศร้า)

จุดที่สำคัญในกราฟชีวิตนี้ อาจจะเป็นจุดที่แบ่งแยกกราฟออกเป็นกราฟย่อย ๆ ที่แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด
นั่นคือ ณ จุดสำคัญนี้ เมื่อเลือกเดินไปตามเส้นใดก็ตาม จุดและเส้นหลังจากนั้น จะไม่เหมือนกับจุดและเส้นที่อยู่หลังเส้นอื่น ๆ ที่เหลืออีกเลย - ไม่มีทางที่จะไปบรรจบกันอีก ณ จุดอนาคตใด ๆ

ทุกชั่วขณะ เรามองเห็นก็แต่จุดปัจจุบันและเส้นที่เชื่อมออกไปจากจุดปัจจุบันนี้เท่านั้น
จุดและเส้นต่าง ๆ ในอดีต อาจเป็นบทเรียนให้เราได้
แต่ท้ายที่สุด ไม่มีอะไรประกันได้ว่า จุดและเส้นในอนาคต จะเป็นไปในลักษณะที่คาดหวัง มีความไม่แน่นอนเสมอ

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อถึงตา ก็ต้องเดิน

ด้วยรู้จากการสังเกตว่า กราฟชีวิตของเราทุกคนนั้น ต่างทับซ้อน หรือ ใช้จุดและเส้นร่วมกัน อยู่ในบางส่วน

หวังว่าเส้นข้างหน้านี้ จะนำไปสู่จุดที่คนคนนั้นกำลังเดินทางเข้าสู่เช่นกัน

ทางใครทางมัน ไม่ต้องเดินเส้นเดียวกัน ขอเพียงได้ไปสู่จุดเดียวกัน ให้มากครั้งที่สุด นั่นก็วิเศษสุดแล้ว

technorati tags: , ,