ย้ายบล็อกไปที่ bact.cc แล้วนะครับ

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
หยุด ร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ ฟรี 2GB จาก Dropbox (sync กับ Windows, Linux, Mac, iPhone, Android ฯลฯ ได้)

2007-03-23

Untitled 2006.12.15

(ผมเขียนเรื่องนี้เมื่อราวตีหนึ่ง เดือนธันวาปีก่อน 2006.12.15 แต่ทำไปทำมา พิมพ์แล้วก็ไม่ได้เอาลงบล็อก หยุดไว้แค่ที่เป็นดราฟท์ วันนี้ไปค้นมาลงละกัน ไม่ได้แก้อะไรเพิ่ม - กล้องที่ว่าเจ๊งในบรรทัดแรก ก็ซ่อมเสร็จแล้ว เพื่อนที่แสนดีเอามาให้ที่บ้านเมื่อวานนี้เอง)

 


 

กล้องผมเจ๊งมาได้ซักพักละ เดือนนึงได้มั้ง

เมื่อกล้องเจ๊ง ความอยากเดินไปไหนไหนที่ไม่เคยไปก็ลดลงไปหน่อยนึง บวกกับเวลาที่ว่างน้อยลง งานเริ่มจะเยอะขึ้น สารพัดข้ออ้าง ... ในที่สุด กรุงเทพของผม ก็หดลงมาเหลือเท่าเดิม เท่าที่ผมเคยอยู่กับมันเมื่อสามสี่ปีก่อน บ้าน ที่ทำงาน สยาม ที่ทำงาน บ้าน สยาม ท่าพระจันทร์บางครั้ง ถนนพระอาทิตย์บางหน ใบเมี่ยงนาน ๆ ที และท่องหล่อยามใจแตก ... เมื่อพื้นที่ลด มิติหด ใจบางส่วนก็หายไปด้วย

สถานะของการเพิ่งกลับบ้านเกิดเมืองนอน หมดความสดไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ผมกลับมาเป็นพลเมืองของกรุงเทพมหานครอย่างเต็มตัว โอเค แม้สิทธิบางอย่างของผม และแน่นอน ของคุณ ๆ ด้วย จะหดหายไปบ้างในช่วงนี้ แต่ก็ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่า ผม(เรา?)ยังเป็นพลเมืองอยู่ เนื่องจากผมอยากเป็นอย่างนั้น

เมื่อวานนี้ที่มช.โทรมา ถามว่าตกลงได้งานที่ไหนรึยัง ทำนองว่าเค้าจะรับแล้วล่ะ ... สายไป ผมมาทำงานที่มธ.ซะแล้ว ความคิดที่จะไปเป็นคนเมือง (ในความหมายว่า คนเชียงใหม่) ก็ต้องพักลงไป อย่างน้อยก็ชั่วคราว ตามสัญญาโครงการ 1 ปี ... แน่นอนว่าเสียดาย ผมอยากไปอยู่แถวนั้น เอาน่ะ ถ้าอยากจะไปเสียอย่าง ยังไงเดี๋ยวก็หาโอกาสใหม่

จากประสบการณ์แวบไปแวบมา อยู่สองครั้ง ครั้งละหนึ่งวัน ผมชอบขนาดของเมืองเชียงใหม่ มันไม่ใหญ่เกินไป และมีทุกอย่าง เท่าที่ผมจะนึกออกและต้องการ

กรุงเทพนั้น ตามจริงแล้วเป็นเมืองที่ดี เป็นเมืองผมรัก โดยเฉพาะถ้าผมไม่ต้องทำงาน ในความหมายว่างานประจำ ที่ต้องเข้าออกงานตามเวลาที่คนส่วนใหญ่เข้าออก สิ่งที่ทำให้ความน่ารักของกรุงเทพลดลงไปบ้าง จนบางทีหงุดหงิด นั้นก็คือ จราจรที่เหมือนจลาจล ติดขัด และควันพิษ หากการเดินทางในกรุงเทพมีทางเลือกมากกว่านี้ สะดวกสบายกว่านี้ นี่คือเมืองในฝันของผม (ผมไม่ค่อยฝันถึงเมืองอื่นบ่อยนัก อาจจะเพราะกลัวหลงทาง) การจะรักกรุงเทพเพิ่มขึ้นได้ง่าย ๆ อย่างนึงคงเป็นการใช้ถนนในกรุงเทพในช่วงเวลาที่คนอื่นใช้น้อย ๆ

วันสองวันนี้ ผมเริ่มคิดอีกครั้งว่า กรุงเทพนั้นเหนื่อยเกินไป เพื่อนผมที่เชียงใหม่ก็ว่า จริงอยู่บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด ผมจะไปโทษกรุงเทพอย่างเดียวคงไม่ได้ จริง ๆ แล้ว บางกะดี (ที่ทำงานผม) นั้น อยู่ปทุมธานีต่างหาก เดินทางข้ามจังหวัด ด้วยขนส่งมวลชน คงจะต้องเหนื่อยล่ะ

เมื่อวานนี้ผมกลับถึงบ้านราวสี่ทุ่มครึ่ง โทรหาเพื่อนที่เชียงใหม่ หากจะถามว่า มีเรื่องคุยอะไรหรือ คงไม่มี โทรไปเพราะอยากคุย คุยอะไรก็ได้ แต่ด้วยความเหนื่อย หรือความล้า หรืออะไรซักอย่าง ผมคุยไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าใดนัก ถามไถ่สบายดีไหม ร้านเป็นอย่างไรบ้าง ดูแลตัวเองนะ หายเร็ว ๆ ไม่มีอะไรมากน้อยกว่านี้นัก ถามคำถามที่ฟังดูซ้ำซาก จนกลัวคนถูกถามจะเบื่อ แต่ก็รักที่จะถาม เหมือนเคยเคยทุกครั้ง

เมืองเชียงใหม่นั้นไม่ได้ไกลเลย หากบินไป ในบางวันยังเร็วกว่าไปธรรมศาสตร์รังสิตเสียอีก แต่ด้วยอะไรบางอย่าง บางครั้งผมก็รู้สึกว่า เพื่อนที่เชียงใหม่นั้นไกลเหลือเกิน ไกลกว่าเมื่อครั้งผมอยู่เบอร์ลินเสียอีก

มีความคิดถึง

เป็นธรรมดา จริงแล้วผมก็คิดอย่างนี้ ที่คนเราแต่ละคนก็ต้องมีหน้าที่ที่ต้องทำต้องรับผิดชอบ บางอย่างนั้นเลือกไม่ได้ แต่เมื่อจำเป็น ก็ต้องทำ เมื่อทำแล้ว ก็ควรจะทำให้ดีที่สุด หากเพื่อนเราคนไหนจะไม่ค่อยว่าง ด้วยเหตุอันใดก็ตาม เราควรจะเข้าใจ ไม่ เราต้องเข้าใจ แต่ละคนก็มีชีวิต มีเวลา 24 ชม.เท่ากันกับเรา ที่จะจัดการ มีเงื่อนไขเรื่องงาน เรื่องครอบครัว ฯลฯ ต่างกันไป

ผมเองก็ยุ่งบ่อย ๆ ลืมและละเลยคนรอบข้างไปก็หลายครั้งหลายคนหลายหน แต่บางครั้งก็ไม่ได้ตั้งใจจะลืมหรือละเลย เพียงไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรให้เหมาะกับโอกาส หรือไม่ก็มีเวลาที่ไม่ตรงกัน

แม้จะเข้าใจ แต่ความเหงานั้นย่อมเกาะกินคนป่วยโรคนี้อยู่ตลอดเวลา

หากจอมมีคนรัก คนรักของจอมคงจะต้องเป็นคนที่วิเศษและพิเศษมากแน่ ๆ เมื่อผู้ป่วยโรคเหงา ผู้รักความเหงา อยากจะมีคนรัก มันก็เป็นความขัดแย้งในตัว

สุดท้าย ที่ผมคิดว่ามันเกิดกับผมตอนนี้ก็คือ เมื่ออาการนิยมเหงาเกิด ผมก็อยากอยู่คนเดียว เมื่ออาการนิยมเหงาหาย ผมก็อยากไปเที่ยวกับใครซักคน คุยกับใครซักคืน พิจารณาแล้ว มันคือ ความเห็นแก่ตัว เป็นแน่

ก็เมื่อ เห็นแก่ตัว ก็จงกลัวเถิดที่จะรัก

 


tags: | |

4 comments:

suriyapat said...

อ้าวตกลงทำงานที่ มธ ไปเรียบร้อยแล้วเหรอนั่น
อัพเรื่องที่ไป TII มาเรียบร้อยแล้ว ไปอ่านได้เรย
ว่าแต่ Culture Lab มะหร่ายจาทำคร๊าบบ เจ้านายยยย

BozzaNova said...

พี่อาท เขียนแบบนี้มาเรื่อยๆ นะ
ไม่ต้องบ่อยก็ได้ ถ้าไม่ค่อยชอบ
แต่อ่านแล้วเพลินดี

ปล. ตอนที่พูดถึงเรื่องความเหงา มันสะกิดๆ ใจอย่างไรบอกไม่ถูก

ปล.(ซ้ำ) ผมรัก กอทอมอ เหมือนกันล่ะ
:)

Anonymous said...

หวัดดี :)

วันนี้เราเข้ามาอ่าน blog นายด้วยการเลือก tag 'me' ไม่รู้นึกยังไงเหมือนกัน สงสัยจะคิดถึง :)

หรือว่า อยากเสือ...ก เรื่องของนายก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ :P

อ่านแล้วก็.. รู้สึกแปลกดี เป็นนายในหลาย ๆ มุมที่เราไม่รู้จัก

เขียนบ่อย ๆ นะ ชอบ ๆ (^^)v

bact' said...

:)