ย้ายบล็อกไปที่ bact.cc แล้วนะครับ

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
หยุด ร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ ฟรี 2GB จาก Dropbox (sync กับ Windows, Linux, Mac, iPhone, Android ฯลฯ ได้)
Showing posts with label information design. Show all posts
Showing posts with label information design. Show all posts

2008-09-29

design/social/tech links at late night

from Tactical Technology Collective:

Ubuntu Eee ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเล็กให้คุ้มค่า

History of Graphic Design 2008 ความเป็นมาของการออกแบบกราฟิกจนถึงปัจจุบัน

Design Matrix of the 20th Century (industrial design) ใครอะไรที่ไหนในแวดวงออกแบบอุตสาหกรรม

[ via anpanpon ]

technorati tags: , ,

2008-04-18

a Thai blog on information architecture

ไม่ได้อัพบล็อกเกี่ยวกับเว็บที่ชอบที่ชอบนานแล้ว

กดลิงก์มั่วซั่วใน twitter แล้วก็เจออันนี้ i am IA

mk มีไปเขียนด้วย มีคนตามอ่านอยู่เยอะทีเดียว มีชื่อ(ที่ผม)คุ้น ๆ กันส่วนหนึ่ง เช่น projectlib, kohsija คิดว่าคนทำหลักน่าจะเป็น malimali

เนื้อหาเกี่ยวกับ การออกแบบสารสนเทศ และ usability design (คำไทยคือ?) โดยหนักไปทางที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต เนื้อหาบางส่วนครอบคลุมเรื่องแผนธุรกิจและการตลาดด้วย (ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้/ลูกค้า) ลองดู ๆ ชื่อหัวข้อละกันครับ เผื่อได้ไอเดีย

IA ในชื่อเว็บ คือ Information Architect สถาปนิกสารสนเทศ — สถาปัตยกรรมสารสนเทศศาสตร์ ก็เรียกได้ว่าเป็นการเชื่อมความเชี่ยวชาญของศาสตร์และศิลป์หลายแขนงมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบระบบสารสนเทศ เนื่องจากต้องคำนีงถึงการใช้งานสารสนเทศ “ทั้งระบบ” จริง ๆ ตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูลและประมวลผล (เช่นในคอมพิวเตอร์) ไปจนถึงการนำเสนอและรับข้อมูลเข้าจากผู้ใช้ ซึ่งก็จะไปเกี่ยวข้องกับ visual design/information visualization, interaction design และเกี่ยวข้องกับระบบการรับรู้ของผู้ใช้ วนเป็นลูป ซึ่งสถาปัตยกรรมสารสนเทศศาสตร์ก็จะจับเอาความเชี่ยวชาญของแต่ละด้าน มามองในภาพรวมเป็นโครงสร้าง

ตามความเข้าใจ สถาปัตยกรรมสารสนเทศศาสตร์ เกี่ยวข้องกับ การออกแบบสารสนเทศ (information design) อยู่มาก แต่น่าจะเน้นเรื่องโครงสร้างโดยรวมทั้งหมดมากกว่า มีเรื่องโครงสร้างองค์กร/ระบบ (ซึ่งมีผลกระทบต่อการไหลและความสัมพันธ์ของสารสนเทศ) และรายละเอียดในวิศวกรรมซอฟต์แวร์ (ซึ่งจำเป็นต่อการออกแบบการประมวลผลสารสนเทศ) ที่มากกว่าในการออกแบบสารสนเทศ ในขณะเดียวกันการออกแบบสารสนเทศ ก็จะอยู่ใกล้ผู้ใช้มากกว่าในด้านสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาหรือรับรู้ได้โดยผัสสะ เช่น ลงไปจนถึงระดับไทโปกราฟี ช่วงเงียบระหว่างเสียง หรือระยะห่างของผู้ดู

สาขาเหล่านี้น่าสนใจอยู่มาก ในแง่ที่ว่า มองสารสนเทศและระบบสารสนเทศเป็นสิ่งที่อยู่ร่วมกับและรับใช้มนุษย์มากขึ้น ไม่ใช่ระบบสารสนเทศที่แข็งตัวปรับเปลี่ยนไม่ได้หรือได้ยาก จนกระทั่งมนุษย์ต้องยอมปรับเปลี่ยนไปหามัน และสุดท้ายมันมีอำนาจครอบงำเหนือมนุษย์ เป็นนายมนุษย์ไปเสียเอง (เช่น ลงทะเบียนเรียนข้ามสาขาไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ประจำวิชาอาจารย์ที่ปรึกษาก็อนุญาตแล้ว ชั้นเรียนก็ยังมีที่นั่งเหลือ แต่เพราะโปรแกรมคอมพิวเตอร์มันไม่รองรับ ก็เลยทำไม่ได้ — โปรแกรมคอมพิวเตอร์สถาปนาตัวเอง (หรือเราสถาปนาให้มัน) เป็นกฎที่มนุษย์อย่างเราจะไปต่อต้านไม่ได้เสียแล้ว)

สำหรับคนในที่ทำในสายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ ออกแบบอุตสาหกรรม สถาปัคยกรรมศาสตร์ การผังเมือง ออกแบบกราฟิก ฯลฯ ถ้าสนใจ ก็อยากจะชวนให้ลองเล่นอะไรกับสาขาพวกนี้หน่อย มนุษย์ สังคม วิทยาศาสตร์ ศิลปะ สารสนเทศ มั่ว ๆ กัน ปะทะกัน สู่ สังคมสารสนเทศ/สังคมเครือข่าย

น่าจะสนุกดี

[ ลิงก์ i am IA ]

technorati tags: , ,

2008-03-06

Open Document Standard, e-Government, and Universal Information Access

ต่อเรื่อง open document standard มาตรฐานเอกสารแบบเปิด ที่ใน duocore ตอนที่ 66 ลืมพูด/เวลาไม่พอเลยข้ามไป

open standard นี่ ทั้งตัว format และ protocol ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องเลยนะ



มาตรฐานเอกสารแบบเปิด กับระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government)

เช่นเรื่อง backoffice ระบบบริหารจัดการข้อมูลของระบบราชการ หน่วยงานรัฐ ที่ต้องประมวลผลเอกสารมาก ๆ ทั้งภายในหน่วยงานเอง ระหว่างหน่วยงานรัฐ และกับภาคเอกชน ประชาชน

ถ้าไม่ใช่ฟอร์แมตเปิด การสร้างซอฟต์แวร์ระบบที่จะอ่าน/เขียนเอกสารเหล่านั้นได้อย่างอัตโนมัติ ก็ลำบาก (ต้อง reverse engineering แกะสเปกกันวุ่นวาย) แถมยังไม่สามารถมั่นใจเต็ม 100% ได้ว่าจะอ่าน/เขียนได้ตรงเป๊ะ ซึ่งก็อาจทำให้ข้อมูลบางอย่างตกหล่นสูญหายได้ ยิ่งคิดว่าในกระบวนการทำงานจะต้องมีการส่งเอกสารกันหลายทอด อ่าน/เขียนกันหลายรอบ ก็เป็นไปได้ที่การสูญหายดังกล่าวจะสะสมเยอะขึ้นได้ด้วย




มาตรฐานเอกสารแบบเปิด กับการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารถ้วนหน้า (universal information access)

นอกจากนี้ กรณีที่สเปกรูปแบบเอกสารที่มันปิด ไม่ได้เป็นมาตรฐานเปิด ก็ทำให้มีโอกาสอยู่มาก ที่จำนวนโปรแกรมที่จะมาอ่าน/เขียนเอกสารเหล่านั้นได้ มันจะมีอยู่อย่างจำกัด และโดยมากก็มักจะเป็นโปรแกรมของผู้กำหนดสเปกเท่านั้น ที่จะอ่าน/เขียนได้สมบูรณ์ ก็เท่ากับว่า มี "การผูกขาดโปรแกรมในการอ่าน/เขียน" อยู่กลาย ๆ

เช่น กรณีที่หน่วยงานราชการเผยแพร่เอกสารในรูปแบบ .doc (หรือ .xls, .ppt) อย่างเดียว (พูดถึงกรณีเมื่อก่อน ที่ยังไม่ได้เปิดสเปก) เท่ากับบังคับให้ประชาชนต้องมี Windows หรือ Mac OS X เป็นอย่างน้อย เพื่อที่จะใช้โปรแกรม Word Viewer, Excel Viewer เพื่อจะดูเอกสารดังกล่าวได้ (แบบเต็ม 100% ไม่ต้องกลัวว่าจะมีข้อมูลอะไรสำคัญหายหรือเพี้ยนไป) ซึ่งซอฟต์แวร์ดังกล่าวเป็นซอฟต์แวร์ที่ต้องซื้อ -- หรือกรณีถ้าต้องกรอกแบบฟอร์มส่งหน่วยงานรัฐ เช่น ยื่นภาษี แบบประกันสังคม ก็จำเป็นต้องซื้อ Office อีกชุดหนึ่งด้วย (เพื่อให้แก้ไขได้) -- ซึ่งตรงนี้ก็อาจจะขัดกับหลักเรื่อง “การไม่เลือกปฏิบัติ ด้วยฐานะทางเศรษฐกิจ” (?)

ยกตัวอย่าง ประเทศนอร์เวย์ ที่ กระทรวงปฏิรูปการบริหารราชการ ของเขา ประกาศให้หน่วยงานรัฐต้องเผยแพร่ เอกสารในรูปแบบ open standard คือ HTML, PDF กับ OpenDocument (จะมีแบบ non-open ด้วยก็ได้ แต่ต้องมีแบบ open เสมอ)
ดูข่าว: Norway mandates government use of ODF

สหภาพยุโรปและหลายมลรัฐในสหรัฐอเมริกา ก็กำลังจะประกาศระเบียบทำนองนี้เช่นกัน




มาตรฐานเอกสารแบบเปิด กับการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารถ้วนหน้า กรณีของประเทศไทย

สำหรับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ประเทศไทยมี “พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๐” ให้หน่วยงานรัฐเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ให้แก่ประชาชน — โดยยึดหลักนโยบาย “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น”

กรณีเผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบเอกสารอิเลกทรอนิกส์ที่ใช้ ฟอร์แมตที่ไม่ใช่ มาตรฐานเปิด ก็จะทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ ซึ่งอาจผิดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 30 (ดูรธน.และพรบ.ดังกล่าวข้างล่าง)

หน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ของไทยคือ สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.)




รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐

มาตรา ๓๐

บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน

ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน

การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่อง ถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทำมิได้

มาตรการที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริม ให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพ ได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม




พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐

หมวด ๑ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร

มาตรา ๗

หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
(๑) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
(๒) สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
(๓) สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
(๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการตีความ ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มีขึ้น โดยมีสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
(๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด

ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิง ถึงสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติวรรคหนึ่งแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง ไว้เผยแพร่เพื่อขายหรือจำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการ ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตามที่เห็นสมควร

มาตรา ๙

ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
(๑) ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัย ดังกล่าว
(๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา ๗ (๔)
(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
(๔) คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
(๕) สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงตามมาตรา ๗ วรรคสอง
(๖) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
(๗) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงาน ทางวิชาการ รายงาน ข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย
(๘) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด

ข้อมูลข่าวสารที่จัดให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ส่วนนั้น บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้

ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียม ในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้คำนึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตรานี้เพียงใดให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง




Towards universal information access...

เรื่องของ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารถ้วนหน้า (universal information access) นี่ มีหลายประเด็น นอกเหนือจากเรื่องมาตรฐานเปิด เช่น ยังมีเรื่องของ ความสามารถในการเข้าถึง (accessibility) หรือพูดง่าย ๆ ว่า ความสะดวกในการใช้งาน ด้วย — ถ้าบนเว็บก็คือ web accessibility เช่น ตัวอักษรเล็กไปมั๊ย สีอ่านยากมั๊ย เพราะบางคนมีปัญหาทางสายตา หรือ เมนูใช้ลำบากเกินไปรึเปล่า เพราะบางคนมีความบกพร่องทางร่างกายทำให้คลิกเมาส์เร็ว ๆ ไม่ได้ หรือว่าข้อมูลนั้นค้นหาเจอได้ง่ายรึเปล่า ฯลฯ อะไรพวกนี้ ก็จะเกี่ยวกับเรื่องการออกแบบสารสนเทศและการใช้งาน (information design/interaction design) อยู่ด้วย — คืออันนี้ไม่ได้พูดถึงว่าต้องง่ายสุด ๆ นะ แต่อย่างน้อยต้องยากไม่เกินระดับที่จะทำให้เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร

ซึ่งบางประเทศ บางเมืองในสหรัฐอเมริกา เช่น นิวยอร์ก ได้ประกาศกฎหมายบังคับให้เว็บของหน่วยงานรัฐทุกแห่ง ต้องสอบผ่านมาตรฐานเรื่อง web accessibility นี้แล้ว

ดูเรื่องนี้ต่อได้ที่ Wikipedia และ W3C


สำหรับนอกเว็บ แต่ยังเกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารแบบดิจิทัลอยู่ ก็เช่น พวก kiosk ตู้บริการข่าวสารตามถนน ตามท่ารถ สถานที่ราชการ บริการสาธารณะ พวกนี้ก็ต้องออกแบบมาให้ทุก ๆ คนใช้ได้ด้วย เช่น ผู้มีปัญหาด้านประสาทสัมผัส หูไม่ค่อยดี ตาฝ้าฟาง ก็ต้องใช้ได้ หรือมีความบกพร่องทางกายภาพ นั่งรถเข็น หรือมือพิการ ก็ต้องใช้ได้

อย่าง ตู้บริการข่าวสาร ที่มีแป้นเหยียบให้ใช้เท้าเลือกเมนูได้ แทนการใช้มือกดหน้าจอสัมผัส หรือ ปุ่มขอความช่วยเหลือจากพนักงานเดินรถที่สถานีรถไฟ ที่ต้องมีปุ่มที่ต่ำกว่าระดับปกติด้วย เพื่อให้คนที่นั่งรถเข็นกดได้สะดวก และไมค์และลำโพงก็ต้องมีอีกชุดที่อยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกับปุ่มอีกปุ่มที่ว่าด้วย

เหล่านี้คือสิ่งที่จะช่วยให้ พลเมืองทุกคน สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น

technorati tags: , ,

2008-01-19

Design Police

Design Police alarm

“Bring bad design to justice.”

ออกแบบมึน ๆ อย่าเผลอ ไม่งั้นจะเจอตำรวจดีไซน์จับ!

Design Police ไอเดียเก๋ ๆ เพื่อสุขภาพทางสายตา

Design Police ชวนคุณมาร่วมเป็นตำรวจดีไซน์ ด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ รูปลอก 5 ชุด แต่ละชิ้นมีข้อความแจ้งข้อผิดพลาดที่มักพบบ่อย ๆ ในงานออกแบบ เช่น “อย่าใช้ faux bold” “พิมพ์ผิด” “เฮลเวติก้าอีกแล้วเหรอ ?” “ใช้กริดซะ” “สงสัยต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่อง” “ไร้บุคลิก” หรือ “หยุดใช้ Word Art เดี๋ยวนี้” — เกือบทั้งหมดจะเน้นที่ communication design

ใครอยากเล่นก็ไปดาวน์โหลดมาเล่นกันได้ แปะมันให้ทั่วเมืองเลย (น่ากลัวว่า ถ้ามันฮิตจริง ๆ ที่เมืองไทย information graphic ป้ายต่าง ๆ ที่สุวรรณภูมิคงจะโดนหนักไม่ใช่น้อย!)

แถม: ดีไซน์คัลเจอร์ ในมติชนสุดฯ สัปดาห์นี้ มีเรื่อง “The Bubble Project” (anpanpon บอกว่าคล้าย ๆ กัน แต่เราว่าคนละแนวนะ โอเคมันเป็นเรื่อง spotting แล้วตัวสื่อที่ใช้ก็เป็นรูปลอกเหมือนกัน แต่สารที่ส่งมันเป็นคนละเรื่องกัน) — และอย่าลืมติดตาม รวมเล่ม ดีไซน์คัลเจอร์ น่าจะภายในมีนานี้ ข่าวว่าเขาแก้เลย์เอาท์ใหม่หมดเลย งานนี้เนี้ยบจริง ออกปุ๊บ ‘ขึ้นหิ้ง’ ปั๊บ!

[ ลิงก์: Design Police | ผ่าน: OSNews.com, glyphobet, glyphobet ]

technorati tags: , ,

2007-04-20

Information and Services Design, UC Berkeley

ออกแบบสารสนเทศและบริการ

Information and Services Design
School of Information
University of California, Berkeley

The Information and Services Design program was established at the UC Berkeley School of Information in 2007 to provide a focus for teaching and research on the skills and concepts required by a services-led and information-powered economy.

ปีการศึกษาหน้า หลาย ๆ มหาวิทยาลัยในเมืองไทย (เช่น รังสิต, SIIT, ศิลปากร, AIT) น่าจะเริ่มเปิด service sciences กันแล้ว

technorati tags: ,

2006-11-11

Isotype

อ่านเจอนานละ ในมติชนสุดสัปดาห์ เกือบเดือนก่อน Isotype
ประมาณว่า เล่าเรื่องด้วยภาพ

In graphic design and sociology, Isotype is a system of pictograms designed to communicate information in a simple, non-linguistic way.

tags: | | |

2006-04-10

information aesthetics

information aesthetics “ form follows data - data visualization & visual culture ”

via chris

2005-12-07

Defining The Damn Thing

Information Design ? Information Architect ? Interaction Design ? Experience Design ? Knowledge Management ? ... Damn!

2005-06-12

Data, Information, Knowledge, Understanding, and Wisdom

ปรับปรุงและเพิ่มเติม จากความเห็นในหัวข้อ ทำไมต้อง KM , อะไรคือ data , information , and knowledge ที่ GotoKnow.org (ลิงก์เดิม)

systems-thinking.org ให้ความหมายของ ข้อมูล, สารสนเทศ, ความรู้, ความเข้าใจ, และปัญญา ไว้ดังนี้ (ถอดความเป็นภาษาไทย):

  1. ข้อมูล: (data) ชุดสัญลักษณ์
  2. สารสนเทศ: (information) ข้อมูลที่ถูกประมวลผลให้มีประโยชน์แล้ว; ตอบคำถาม “ใคร”, “อะไร”, “ที่ไหน”, “เมื่อใด”
  3. ความรู้: (knowledge) การประยุกต์ข้อมูลและสารสนเทศ; ตอบคำถาม “อย่างไร”
  4. ความเข้าใจ: (understanding) ความตระหนักว่า “ทำไม”
  5. ปัญญา: (wisdom) ความเข้าใจที่ถูกประเมินแล้ว

กรณีตัวอย่าง สูตรลับก๋วยเตี๋ยว:

ถ้ายึดตามเกณฑ์ข้างบนนั้น จากตัวอย่างสูตรลับก๋วยเตี๋ยวที่ว่ามา

“ สมมติธุรกิจดั้งเดิมของที่บ้านขายก๋วยเตี๋ยว มีสูตรลับเฉพาะในการทำเส้นที่มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ทำมาอย่างไร ก็มีเอกลักษณ์ของการทำเส้นร้านนั้นถ่ายทอดถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน อย่างนี้ก็ถือว่าเป็น KM แล้วล่ะครับ ”

การรู้ว่าจะปรุงก๋วยเตี๋ยว “อย่างไร” ก็คือรู้ว่า จะใส่เครื่องปรุง “อะไร”, “ที่ไหน”, “เมื่อใด”

อันนี้ถือเป็น ความรู้ ได้, คือรู้ว่าจะทำ “อย่างไร”

และการถ่ายทอด ‘สูตรลับ’ (ทำ “อย่างไร”) นี้ ก็น่าจะนับเป็น การจัดการความรู้ (knowledge management) ได้ (คือ สามารถเก็บรักษาและส่งต่อความรู้ได้)

แต่การถ่ายทอดลักษณะนี้ ไม่ได้รับประกันว่า รุ่นลูกรุ่นหลาน จะรู้ว่า “ทำไม” ต้องใส่เครื่องปรุงนี้ ตรงนี้ ตอนนั้น ด้วย ?

เพราะในการถ่ายทอดสูตรลับอาจจะไม่ได้ถ่ายทอด ความเข้าใจ ไปด้วย

อันนี้คือสมมติว่า คุณปู่เจ้าตำรับมีความเข้าใจ ว่าทำไมปรุงก๋วยเตี๋ยวตามสูตรนี้ ถึงได้รสชาตินี้นะครับ

มีอีกกรณีคือ คุณปู่อาจจะไม่มีความเข้าใจ เลย.
คือมี ความรู้ จริง, รู้ว่าจะทำ “อย่างไร” แต่ไม่รู้ว่า “ทำไม”.
เช่น ความรู้นั้นอาจจะเกิดจากประสบการณ์ การลองผิดลองถูก โดยไม่จำเป็นต้องมีความเข้าใจ (เช่น รู้ว่า “ที่ต้องทำอย่างนี้ เพราะ ถ้าทำอย่างอื่น จะไม่ได้ผลที่ต้องการ”1, แต่ไม่รู้ว่า “ที่ทำอย่างนี้แล้วได้ผลที่ต้องการ เพราะ ...”2)* – ถ้ากรณีนี้ ความเข้าใจ ก็คงจะถ่ายทอดไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้มีมาอยู่แล้วตั้งแต่ต้น

*โปรดสังเกตว่า สองกรณีนี้ 1 และ 2 ดูเผิน ๆ เหมือนจะเป็นคำตอบ ของคำถาม “ทำไม” ทั้งคู่ (มีคำว่า “เพราะ”), แต่หากพิจารณาให้ดีแล้วจะพบว่าไม่ใช่ – ความเข้าใจ นั้น น่าจะวัดจากความสามารถในการตอบ 2 ได้เท่านั้น (ทำไมทำอย่างนี้แล้วจึงได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ) – ส่วนคำตอบ 1 นั้น เป็นเพียงคำตอบสำหรับคำถามแบบ "อย่างไร" เท่านั้น (รู้ว่าจะทำอย่างไร = รู้ว่าจะไม่ทำอย่างไร)

เช่นเดียวกันกับความเข้าใจ, ปัญญา นั้น ก็อาจจะไม่สามารถถูกถ่ายทอดได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลเดียวกัน – คือคุณปู่เจ้าตำรับ อาจจะไม่เคยประเมินความเข้าใจของตนเอง (หรือเปิดโอกาสให้ผู้อื่นมาประเมิน, เนื่องจากเป็น ‘สูตรลับ’)

หรือพูดอีกอย่างคือ แม้คุณปู่จะเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าสูตรนี้ทำก๋วยเตี๋ยวได้อร่อยแน่ และรู้ด้วยว่า ทำไมถึงต้องใส่เครื่องปรุงอันนั้นก่อนอันนี้ แต่คุณปู่อาจจะไม่เคยประเมินสูตรของตนเองว่า เป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือยังในการทำก๋วยเตี๋ยวให้ได้รสชาตินี้ มีวิธีอื่นหรือเปล่า ที่ทำก๋วยเตี๋ยวให้ออกมาได้อร่อยเท่านี้ รสชาตินี้ แต่ใช้เครื่องปรุงน้อยกว่านี้ ถูกกว่านี้ หรือเสียเวลาปรุงน้อยกว่านี้

ขอบเขตของ KM ที่เราต้องการ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อองค์กร/สังคมนั้น อยู่ที่ไหน เราต้องการแค่ “อย่างไร” ก็เพียงพอแล้ว, หรือจำเป็นต้องมี “ทำไม” ด้วย? (หรือยิ่งกว่านั้น “นี่คือวิธีที่ดีที่สุดหรือยัง” ?)

เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะสามารถจัดการ ความเข้าใจ และ ปัญญา ได้ ?


ในสาขาวิทยาการสารสนเทศนั้น ระบบตอบคำถามอัตโนมัติ (automatic question answering system) ในปัจจุบัน พัฒนามาถึงขั้นที่สามารถตอบคำถามประเภทสารสนเทศได้แล้ว (ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อใด), แต่ยังตอบคำถามที่ต้องใช้ความรู้ไม่ได้ (อย่างไร) ส่วนคำถามที่ต้องใช้ความเข้าใจหรือปัญญานั้น คงยังอีกไกล (กรณีที่เป็นไปได้)

บันทึกนี้ที่ bact.gotoknow.org (ลิงก์เดิม)


อัพเดท 2008.06.27 (วันรัฐธรรมนูญ 27 มิ.ย.): ข้อเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้ เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ประเภทแสดงที่มา (by) อนุญาตให้นำไปใช้ ดัดแปลง และเผยแพร่ต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของผลงาน ขอเพียงแจ้งที่มาของงานเท่านั้น (ชื่อผู้เขียน และ url)

ผู้เขียนยินดีให้นำข้อมูลทุกอย่างไปใช้ ไม่ว่าจะเอาไปทำการบ้าน รายงาน เขียนบล็อก หรืออะไรก็ตาม แต่ไม่อยากให้ลอก (เช่น กรณีที่แจ้งในเว็บไซต์ GotoKnow) แต่ก็คงจะบังคับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การลอกไปใช้โดยไม่แจ้งที่มา (หรือแอบอ้างว่าเป็นผู้เขียนเสียเอง) นั้นละเมิดเงื่อนไขในสัญญาอนุญาตอย่างชัดเจนนะครับ

technorati tags: , , , , ,

2005-05-26