5 พฤษภาคม 2551
เรียน ผู้ประกอบวิชาชีพและองค์กรของสื่อมวลชนที่เคารพ
ขณะนี้มีร่องรอยว่า ระบอบประชาธิปไตยของไทยกำลังเคลื่อนเข้าสู่อันตรายจากความขัดแย้งทางการเมืองที่อาจทรุดลงเป็นความรุนแรง ปัจจัยหนึ่งที่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้คือ สื่อมวลชน
ความแตกต่างทางความคิดเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย แม้ต่างกันคนละขั้วก็ยังเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่ตัวความแตกต่างนั้นเองมิได้เป็นเหตุให้เกิดความรุนแรง ตราบเท่าที่ความแตกต่างสามารถปะทะขัดแย้งกันได้อย่างสันติตามกระบวนการทางการเมือง กระบวนการทางศาล และกระบวนการทางปัญญาผ่านสื่อและเวทีวิชาการ
หากเมื่อใดที่กระบวนการเหล่านั้นไม่ทำงาน หรือกลายเป็นปัจจัยยุยงส่งเสริมความเกลียดชังเสียเอง ความแตกต่างก็จะกลายเป็นความรุนแรง
คนซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบสื่อและสื่อที่ไม่รับผิดชอบกำลังส่งผลกร่อนทำลายประชาธิปไตยสังคมไทยใน 3 ทางดังนี้
1. สร้างความโกรธแค้นเกลียดชัง ปลุกปั่นสถานการณ์เสียเอง
2. โฆษณาชวนเชื่อ เป็นกระบอกเสียงของฝักฝ่ายทางการเมืองอย่างสุดหัวใจ ให้ร้ายใส่ความคู่ต่อสู้ด้วยเล่ห์เพทุบายสารพัด
3. ทั้งหมดนี้ดำเนินไปขณะที่ ผู้ประกอบวิชาชีพและองค์กรของสื่อมวลชนเฉยเมยต่อการละเมิดจรรยาบรรณสองประการข้างต้น หรือทำตัวลู่ตามลม เลือกปฏิบัติปกป้องเฉพาะพวก ลงโทษเฉพาะฝ่าย
สิ่งที่ดูจะหายไปในแวดวงสื่อมวลชนไทยที่ทำการทั้ง 3 ประการข้างต้น คือ มาตรฐานและจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ที่ต้องเคร่งครัดกับหลักการ ความเที่ยงธรรม และความรับผิดชอบที่สูงกว่าประชาชนทั่วไปที่ไม่มีอำนาจสื่ออยู่ในมือ และสูงกว่ากระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายต่าง ๆ
เมื่อประกอบกับอำนาจที่มากขึ้นทุกวัน ผลก็คือสื่อมวลชนของไทยจำนวนหนึ่งกลายเป็นอภิสิทธิ์ชนที่ใช้อำนาจทำร้ายผู้ไม่มีอำนาจสื่ออยู่ในมือ โดยที่คนในวิชาชีพด้วยกันไม่กล้าทักท้วงตรวจสอบ
สื่อมวลชนเช่นนี้นอกจากจะไม่เป็นคุณต่อประชาธิปไตยแล้ว ยังกลับจะเป็นโทษอีกด้วย เพราะก่อความโกรธ หนุนความหลง และใช้เหตุผลเพียงเพื่อเอาชนะ ส่งผลโน้มน้าวสาธารณชนอย่างผิด ๆ และที่สุดสามารถจุดชนวนให้ความแตกต่างทางความเชื่อและความคิดเห็นกลายเป็นความรุนแรง
ในขณะที่เสรีภาพของสื่อต้องได้รับการปกป้อง สังคมไทยต้องไม่ปล่อยให้สื่อใช้อำนาจของตนอย่างฉ้อฉลจนอาจนำไปสู่ความรุนแรง
ผู้ประกอบวิชาชีพและองค์กรของสื่อมวลชนควรจัดการดูแลปัญหา “สื่อเป็นพิษ” อันน่าวิตกนี้โดยด่วนที่สุด ทั้งควรให้สาธารณชนมีส่วนร่วมด้วย โดยที่รัฐบาลไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้แต่อย่างใด
ขอแสดงความนับถือ
ชัยวัฒน์ สถาอานันท์
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์
คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
(จากอีเมล “ด่วน จดหมายจากนักวิชาการสันติวิธีถึงสื่อมวลชน” ตัวเน้นโดยผู้โพสต์ลงบล็อก-bact')
ลิงก์ไม่เกี่ยวข้อง: 3 องค์กรวิชาชีพสื่อฯ จี้รัฐหยุดคุกคาม ระบุสนับสนุนเสรีภาพการแสดงออก ตามขอบเขตของ กม.และจารีต
แมลงวันไม่ตอมแมลงวัน ? : คำถามถึง '3 องค์กรวิชาชีพสื่อฯ' - กานต์ ณ กานท์
“ทำไมพวกเราถึงไม่สามารถเคารพกันและต่างก็แสดงความเห็นของตัวเองได้” - เสียงหนึ่งจากผู้ประท้วงในฮ่องกง
2 comments:
จากพันทิป.คอม ห้องราชดำเนิน
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6585008/P6585008.html
----
จับผิด Manager On Lie จอมโกหก กรณี โชติศักดิ์ และ ชาญวิทย์ ที่บอกว่าเป็นแกนนำ นปก
อ้างถึงบทความเรื่อง หมายเหตุ..จากเนปาล-สู่-ประเทศไทย (ตอนสอง)!!! ใน Manager On Lie
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000052887
โดย รวมแล้ว บทความที่เขียนโดย เชี่ยว ชวนะ พยายามโยงให้เห็นว่า เหตุการณ์เนปาล และ โชติศักดิ์ และ นิตยสารฟ้าเดียวกัน นั้น มีความเชื่อมโยงไปถึงขบวนการที่มีการจัดตั้ง และ ผู้อยู่เบื้องหลังคือ ทักษิณ
ไม่รู้ว่าคนเขียนเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ หรือ นั่งเทียนเขียนข่าว จับเพาะชนแกะ ตามข้อจำกัดของสื่อที่มีคุณภาพได้แค่นี้
เรื่อง การรายงานข่าวเรื่องเนปาล ถ้าคนเขียนข่าวมีสามัญสำนึกหรือไม่แกล้งโง่ ข่าวนี้รายงานเกือบทุกช่อง โดยเฉพาะ TPBS ไม่ทราบว่า ผู้เขียนในเครือ Manager On Lie ได้เขียนถึงเทพชัย หย่อง บ้างหรือเปล่า กรณีส่ง จนท ไปทำข่าวถึงประเทศเนปาล คำตอบคือ เปล่า
ทำไม Manager On Lie ถึงไม่กล่าวถึงช่องข่าวอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย เหตุผลก็เพราะว่านี่มันเป็นการใช้วิชามาร จับประเด็นจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม เพื่อหวังผลทางการเมือง นสพ ในเครือผู้จัดการ ไม่มีสภาพเป็นสื่อมานานแล้ว และยิ่งกำหนดบทบาทของตนเองเป็นองค์กรทางการเมืองเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เห็นกลิ่นอายกระหายเลือดส่งกลิ่นออกมา
ส่วนกรณีโชติ ศักดิ์นั้น ผมไม่ขอก้าวไปถึงเรื่องที่จะไปถึงชั้นศาล แต่จะบอกว่า โชติศักดิ์ ไม่ใช่ นปก และไม่มีทางเป็นไปได้ ในฐานะคนที่รู้จักทั้งโชติศักดิ์ และ เป็นอดีตแกนนำคนหนึ่งของ นปก(2) โชติศักดิ์ คือ พวก 2 ไม่เอา คือ ไม่เอาทั้งทักษิณ และ ไม่เอารัฐประหาร การโยงโชติศักดิ์กับทักษิณนั้น ฟังไม่ขึ้น จริง ๆ คนในผู้จัดการเองพอจะหาข่าวได้ไม่ยาก เพราะเขาแสดงจุดยืนนี้มานานแล้ว ยิ่งถ้าไปถามแฟนคลับทักษิณอย่าง กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ก็ยิ่งชัดว่า แค่แฟนคลับทักษิณ ก็แทบไม่เอาโชติศักดิ์อยู่แล้ว (ไม่อยากลงรายละเอียดว่า เขาเคยวิวาทะกันอย่างรุนแรง ณ ที่แห่งหนึ่ง)
แล้ว มาดู Manager On Lie เขียนเชื่อมโยง นิตสารฟ้าเดียวกัน กับ หลาน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ลือกันว่าเป็นนายทุนใหญ่ให้กับฟ้าเดียวกัน
สิ่งที่คนในพันธมิตร และ นปก รู้ดีก็คือ
ฟ้าเดียวกัน เคยเคลื่อนไหวล้มทักษิณมาแล้ว เป็นตัวจักรสำคัญองค์กรหนึ่งในยุคพันธมิตรเฟื่องฟู
และ หลังรัฐประหาร บก.ฟ้าเดียวกัน ก็คือ เจ้าของวาทกรรม "เอี้ยไป จันใร มา" อันเป็นที่ฮือฮาในมวลชนสนามหลวง ผมอยากบอกว่า ฟ้าเดียวกัน เป็น 2 ไม่เอาที่ชัดเจนที่สุด ดังนั้นความพยายามเพิ่มน้ำหนักให้ฟ้าเดียวกัน เป็นกลุ่มเดียวกับทักษิณ จึงไม่จริงด้วยประการทั้งปวง และโชติศักดิ์ ไม่เคยเป็นแกนนำ นปก และไม่เคยร่วมกิจกรรมกับ นปก ส่วนจะมีความรู้จักมักคุ้นกับคนใน นปก บ้าง ก็เป็นผมเองเท่านั้น ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
บอกตรง ๆ ว่า คนในผู้จัดการ นอกจากสื่อข้อมูลเท็จแล้ว ผมมีสมมุติฐานว่า นี่เป็นความอำมหิตของพวกคุณ ที่ดึงฟ้าลงต่ำ และ ปั่นกระแสปฏิวัติ หวังจะได้ดื่มเลือดศัตรู
ถ้า พวกคุณขัดแย้งทางการเมืองกับฝ่ายทักษิณ คุณต้องมีคุณธรรม และ มีอุดมการณ์ที่สูงส่งกว่า หาใช่ใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้ เพราะนอกจากจะทำให้ตัวคุณเองดูต่ำแล้ว ยังทำให้คนที่คุณกลัวและเกลียด ดูสูงขึ้น
จากคุณ : บก.ลายจุด - [ 7 พ.ค. 51 14:00:07 ]
----
บล็อก บก.ลายจุด
http://superbuff.spaces.live.com/
เกี่ยวข้อง:
me(dia)
(ผู้จัดการออนไลน์วิจารณ์ประชาไท ฯลฯ)
http://bact.blogspot.com/2008/05/media.html
Post a Comment