ต่อเนื่องจากโพสต์ก่อนหน้า
- ประชาคมธรรมศาสตร์ : “เลือก สนช. หรือ อธิการบดี” (จดหมาย + รายชื่อ)
- สุรพล นิติไกรพจน์ : “ถ้าหากเราไม่ลงนรก แล้วผู้ใดจะลงนรก”
- เกษม เพ็ญภินันท์ : “ถ้าคุณไม่ได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี สำหรับผม ไม่มีปัญหาอันใด”
[คาดหวังอะไรจากการรณรงค์ครั้งนี้?]
ผมไม่คิดว่าอาจารย์สุรพลจะลาออกจากตำแหน่งอย่างเด็ดขาด! แต่บรรยากาศและความรู้ความเข้าใจในสังคมจะมีมากขึ้น คนจะเข้าใจบทบาทและสถานภาพของตัวเองในระบอบประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาคมในธรรมศาสตร์จะได้บทเรียนจากกิจกรรมนี้ ความสำเร็จของการรณรงค์ครั้งนี้คงไม่อยู่ที่การลาออก การลาออกเป็นวิจารณญาณส่วนบุคคล เป็นเรื่องทางจรรยาบรรณ จริยธรรม และระดับคุณธรรมของอาจารย์สุรพลเอง สิ่งนี้สอนกันไม่ได้ แต่เรียนรู้ได้ แต่สำหรับสังคม เราจะได้เรียนรู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร ครรลองของประชาธิปไตยคืออะไร นี่คือสิ่งที่ประชาคมจะได้มากกว่า
— เกษม เพ็ญภินันท์
2 comments:
จุดยืน
ทุกคนมีจุดยืน
ทำอย่างไรที่ต่างจุดยืนได้ โดยไม่เกลียดกัน
เห็นด้วยครับ
ผมรู้สึกโอเคนะ ที่ต่างฝ่ายก็อธิบายสิ่งที่ตัวเองเชื่อได้
ผมอ่านความเห็นของอ.สุรพลก็เห็นด้วยหลายส่วน
ผมว่าตราบใดที่มธ.ยังเป็นมหาลัยรัฐ ยังไงก็ตาม ถึงไม่ถูกอำนาจรัฐแทรกแซง มธ.ก็ต้องวิ่งเข้าหารัฐอยู่ดี
(ดูที่อ.สุรพลยกตัวอย่างเรื่องงบประมาณ,อัตรากำลังคน)
ถ้าในกรณีปกติ ที่อำนาจรัฐนั้นได้มาแบบที่ประชาคม[ไม่มีคำว่ามหาวิทยาัลัย]ธรรมศาสตร์ ยอมรับ มันก็ไม่มีปัญหา
แต่เมื่อไรมันไม่ใช่ มันก็เกิดอาการอีลักอีเหลื่ออย่างนี้
ในใจคิดว่าต้องเลือกข้าง แต่ทำจริงแล้วมันทำไม่ได้
ผมว่ามันโยงกันได้
คือ หากจะเอาขั้นเด็ดขาดสุดโต่งจริง ๆ ก็คือ
อ.สุรพลลาออกจากสนช. (ปฏิเสธอำนาจรัฐที่ประชาคมไม่ยอมรับ)
และ มธ.ออกจากการเป็นม.รัฐหรือไม่รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ ไม่ทำตามระเบียบกระทรวง (ปฏิเสธอำนาจรัฐที่ประชาคมไม่ยอมรับ -- เช่นกัน)
Post a Comment