Microsoft Research, Sun Labs, HP Labs, IBM Research, AT&T Labs, Intel Research
พวกนี้ใช้เงินทั้งนั้นนี่
แต่ละตัวใช้เวลาทั้งนั้น แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ขายได้ทุกตัว
ราคามันก็ไปตามความเสี่ยงด้วย
ถ้าจะบอกว่า ของพวกนี้ ทำเองก็ได้ ไม่ต้องซื้อ ไปให้มหาลัยทำก็ได้
แล้ว grant หรือ sponsorship ที่ให้มหาลัยมาจากไหน?
(ถ้าไม่มาจากภาครัฐ ก็มาจากบริษัทต่างๆ อยู่ดี)
ถ้าเป็นภาครัฐ คิดว่าเค้าเอาเงินมาจากไหนล่ะ?
คือมันต้องมีใครซักคนจ่ายอยู่ดี
ของฟรี (gratis) มันไม่มี
จะจ่ายตอนไหน จ่ายเป็นก้อน จ่ายทีละนิด จ่ายตรงๆ หรือจ่ายอ้อมๆ จนมองไม่เห็น ก็เท่านั้น
----
แน่นอน เค้าลงแรงคิดอะไรขึ้นมาได้ ก็ควรจะมีสิทธิเก็บเกี่ยวดอกผลจากตรงนั้น
(แบบนี้ก็เป็นแรงจูงใจอันหนึ่ง ทำให้ส่วนรวมได้ประโยชน์ - มีโอกาสใช้นวัตกรรมใหม่ๆ)
ที่น่าสนใจกว่า คือจะจำกัดการเก็บเกี่ยว หรือการอ้างสิทธิยังไง ไม่ให้มันกว้างเกิน จนคนอื่นๆ ไม่สามารถคิดอะไรคล้ายๆ กันได้เลย
(แบบนี้คือส่วนรวมเสียประโยชน์แล้ว - โอกาสที่นวัตกรรมใหม่ๆ จะเกิด ถูกจำกัด)
----
หรือจะให้ห้องวิจัยของมหาลัย ติดปุ่ม PayPal ไว้ที่เวบของตัวเองดี?
แล้วจะมีคนกดรึเปล่า? ถ้าเริ่มทำวันนี้ แล้วอีกห้าปีสิบปีค่อยได้ใช้
หรืออาจจะไม่สำเร็จเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งนาน ยิ่งเสี่ยง
ใครจะอยากให้เงินง่ายๆ
เสี่ยงมาก ก็แพงมาก
ธรรมดา
5 comments:
ถ้าแพงแล้วเงินมาถึงแรงงานในสัดส่วนที่เยอะหน่อยก็คงดี ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจทุกวันนี้เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า?
วีร์
เก็บกดกันใหญ่ หือๆ...
ไม่รู้ว่าพวกที่นั่งงกๆ หัวปั่นอยู่ในแลบ เรียกว่าแรงงานได้มั๊ย
ผมเรียกแรงงานนะ ... ผู้บริหาร นักเก็งกำไร อะไรผมก็ให้เป็นแรงงานหมด อะ :-P การกระจายรายได้นี่คิดหนักเหมือนกัน พูดง่ายไม่ strict มาก คือไม่แน่ใจว่าของที่มันแพง แพงเพราะ research เป็นส่วนมากหรือเปล่า? หรือว่ากลไกตลาดมันไม่ค่อยดี? ในขั้นตอนการ research เองก็ชอบมีของทำซ้ำออกมาบ่อยๆ เป็นผลข้างเคียงจากการแข่งขัน แต่ก็ไม่รู้จะแก้อย่างไร
นอกจากนั้น มันแพงเพราะมีเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย โฆษณาอีก
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินที่จ่ายๆ ซื้อสินค้าไป ส่วนหนึ่งมันก็กลับไปสู่งานวิจัยและพัฒนาด้วย
หลักๆ ที่พูดถึงเรื่องนี้คือ
research, invention การคิดค้นอะไรขึ้นมาตั้งแต่พื้นฐาน จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์
ต้นทุนมันต้องสูงกว่าการไปเอาไอเดียคนอื่นมา implement เฉยๆ แน่นอน
- เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการปกป้องเจ้าของไอเดียคนแรกด้วย (ในขอบเขตที่ไม่กว้าง/นานเกิน)
- และก็โยงไปถึงเรื่องว่า เอ๊ะ ทำไมของ(ซอฟต์แวร์)ชิ้นนั้นมันแพงอย่างโน้นอย่างนี้
(อย่าง Apple ออกแบบ พัฒนา ui ของ Mac OS X ออกแบบ ใช้ง่าย สวย ขายราคานึง .. กับมีคนไปลอกหน้าตา, ลงแรงเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะลอกแป๊บเดียวเสร็จ, แต่แรงในส่วนที่ลองผิดลองถูก กว่าจะปรับหน้าตาให้ได้แบบนี้ คนที่ลอกไม่ได้ลงแรงตรงนั้น .. เอามาขายเป็น theme บน Windows, Linux อีกราคา หรือแม้แต่แจกฟรี .. แบบนี้มันก็ไม่น่าจะแฟร์กับ Apple)
ประมาณนั้นมั้งครับ
พูดไป ผมเองไม่รู้จะสนับสนุนสิทธิบัตรดีหรือเปล่า
ในหัวคิด แน่นอนคนคิด(หรือจ้างให้คิด)ต้องได้รับความคุ้มครอง
แต่จะคุ้มครองอะไรถึงขนาดไหน ไอ้นี่ยังคิดไม่ออก
ดับเบิ้ลคลิกนี่จดสิทธิบัตรได้ด้วยมั๊ย?
Post a Comment